เรื่องย่อ : Euphoria Season 2 (2022) ยูโฟเรีย ซีซั่น 2 ดูซีรี่ย์ออนไลน์ พากย์ไทย ซับไทย ซีรี่ย์2023 เว็บไซต์ดูซีรี่ย์คุณภาพคมชัด 1080p ซีรี่ย์อัพเดทใหม่ ไม่กระตุก ซีรี่ย์เกาหลี ซีรี่ย์จีน ซีรี่ย์ญีปุ่น วาไรตี้เกาหลีญีปุ่น ซีรี่ย์ไทย อัพเดทก่อนใคร ดูซีรี่ย์ไม่มีโฆษณากวนใจ BY kseriestv เคซีรี่ย์
ดูซีรี่ย์ฝรั่ง Euphoria Season 2 (2022) ยูโฟเรีย ซีซั่น 2 เริ่มต้นขึ้นหนึ่งปีหลังจากเหตุการณ์ของซีซั่นแรก Rue (Zendaya) ยังคงพยายามรักษาการติดยาของเธอ เธอยังต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า Jules (Hunter Schafer) ได้ย้ายไปซานฟรานซิสโกเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ในขณะเดียวกัน ตัวละครอื่นๆ อีกมากมายก็เผชิญกับปัญหาของตัวเอง Kat (Barbie Ferreira) พยายามหาความสมดุลระหว่างความสัมพันธ์ทางเพศที่หลากหลายกับความรู้สึกของเธอเองเกี่ยวกับตัวตนของเธอ Fezco (Angus Cloud) พยายามที่จะรักษาธุรกิจค้ายาของเขาให้อยู่รอด Nate (Jacob Elordi) พยายามที่จะปกปิดความลับของเขาจากครอบครัวและเพื่อนฝูง Cassie (Sydney Sweeney) พยายามเอาชนะการทรยศของ Nate และ Lexi (Maude Apatow) พยายามที่จะค้นหาตัวเอง ดูซีรี่ย์ Euphoria Season 2 (2022) ยูโฟเรีย ซีซั่น 2 ที่ kserietv
Picking up a year after the events of the first season, Rue (Zendaya) is still trying to heal her drug addiction. She also has to face the fact that Jules (Hunter Schafer) has moved to San Francisco to start a new life. Meanwhile, many other characters face their own problems: Kat (Barbie Ferreira) tries to find a balance between her various sexual relationships and her own feelings about her identity; Fezco (Angus Cloud) struggles. Looking to keep his drug business afloat, Nate (Jacob Elordi) tries to keep his secret from family and friends, Cassie (Sydney Sweeney) tries to overcome Nate’s betrayal, and Lexi (Maude Apatow) tries to find herself.
รีวิว
ดูแล้วมาบ่น
ถือเป็นซีรีส์เรื่องหนึ่งที่เราชอบมาก จนติดอันดับซีรีส์แห่งปีในปีนั้นไปเลย และการกลับมาในซีซั่น 2 อาจจะไม่ได้มาสเตอร์พีชเท่าซีซั่นแรกก็จริง แต่ก็ต้องยอมรับถึง “ความเก๋า” ที่ HBO กล้าแค่ไหน ผกก. ทำให้มันเหนือไปความคาดหมายยิ่งกว่านั้น มันไปไกลกว่าการเป็นซีรีส์วัยรุ่นทั่วไปเยอะมาก มันทำให้เรานึกถึง “Skins” การตีแผ่ชีวิตของวัยรุ่นในมุมที่ดำมืด ดำดิ่งไปกับปัญหาที่สังคมไม่กล้าพูดออกมาตรง ๆ ทั้งยาเสพติด เซ็กส์ ความรุนแรง ฯลฯ พอมันถูกยกระดับด้วยงานสร้างระดับคุณภาพ เทสต์คืออันดับหนึ่ง จะเป็นงานภาพ ดนตรีประกอบ หรือลูกเล่น ทุกอย่างยังคงความแพรวพราวเอาไว้เหมือนเดิม มันเลยเป็นผลงานการสร้างในแบบที่ไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ ถือซะว่า ถึงอาจจะไม่ได้มีประเด็นอะไรที่ล้ำลึกเท่าก่อนก็จริง แต่มันเจริญหูเจริญตาในฐานะ “ศิลปะ” แห่งความบันเทิงอย่างแท้จริง
.
น้ำหนักของซีซั่นนี้น่าจะเทไปที่เรื่องของ “ยาเสพติด” มากที่สุด ผ่านตัวละครอย่าง “รู” หรือ Zendaya ที่สานต่ออาการติดยาที่บำบัดยังไงก็ไม่หาย การพยายามจะเอาชนะยาเสพติด เหมือนกับการเหวี่ยงแบบบูมเมอแรง เพราะยิ่งเธอพยายามจะสลัดความเสพติดนี้ไปเท่าไหร่ มันก็พุ่งกลับมาที่ตัวเธอแรงขึ้นเท่านั้น และมันก็เหมือนจะหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ อย่างที่เราจะได้เห็นจากผลกระทบแบบ 360 องศา ที่มันไม่ใช่แค่ทำร้ายสภาพร่างกาย-จิตใจของตัวเองให้ย่อยยับไม่มีชิ้นดีเท่านั้น แต่ “คนรอบข้าง” ก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน แม่-น้องสาวที่พยายามจะประคับประคองในฐานะลูกสาวเอาไว้อย่างเต็มหน้าที่ แต่ก็ถูกปฏิเสธ-ทำร้ายจิตใจนับครั้งไม่ถ้วน กลายเป็นบาดแผลขนาดใหญ่ที่ฝังอยู่ในความรู้สึกตลอดไป หรือจะในฐานะคนรักกับ “จูลส์” จากความคลุมเครือ-ไม่ชัดเจน เปลี่ยนมาเป็นท่าทีที่ดูเหมือนจะไปได้สวย ก็กลับมาพังอีกครั้งเพราะ “คำโกหก” ที่ไม่สามารถเลิกยาได้ขาด และก็ต้องมาลุ้นกันต่อไปว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะไปในทิศทางไหนต่อจากนี้ ซึ่งเราก็จะเห็นเลยว่า “ยาเสพติด” ไม่มีผลดีกับใครทั้งนั้น คนเสพอาจจะตาย คนขายติดคุก อย่างแท้จริง
.
พอซีรีส์มันไปเน้นที่ “ยาเสพติด” ซะเยอะ (ซึ่งความจริงก็ไม่ได้เยอะล้นขนาดนั้นหรอก) เราเลยหันไปชอบรายละเอียดของความสัมพันธ์แต่ละตัวละครที่รายล้อมมากกว่า ทั้ง “รักสามเส้า-เพื่อนรักเพื่อนร้าย” ระหว่างแคสซี่-แมดดี้-เนท ที่เป็น Viral ไปทั่วโลกออนไลน์ มันก็สะท้อนให้เห็นถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนใกล้ตัว ที่บางครั้งการที่เรามองข้ามบางอย่างไปแบบไม่ตั้งใจ มันอาจจะเป็นจุดสำคัญที่รอวันการระเบิดก็เป็นได้ เหมือนกับ “แคสซี่” ที่รับบทเป็นเพื่อนรักของ “แมดดี้” มาตลอด แต่ความรู้สึกลึก ๆ ที่เธอมีต่อ “เนท” ก็ก้ำกึ่งมาโดยตลอดเหมือนกัน จนถึงจุดหนึ่งที่โอกาสมันมาถึง มนุษย์เราก็ไม่สามารถหักห้ามความใคร่ได้สักเท่าไหร่ มันเลยกลายเป็นความเลยเถิดที่ทั้งดราม่า เผยตัวตน เปลือยความรู้สึก และเปลี่ยนมิตรภาพไปตลอด หรือจะเป็น “ความรัก-เซ็กส์” ที่มันเป็นสิ่งเดียวกันสำหรับ “แคท” และเมื่อแฟนหนุ่มไม่สามารถตอบโจทย์เธอในข้อนี้ได้ ความหวือหวาแบบแฟนตาซีจึงเป็นคำตอบ รวมถึงความสัมพันธ์ที่คอนทราสต์ของ “เล็กซี่” และ “เฟซโก้” ที่ก็เป็นตัวบ่งชี้ว่า “ความแตกต่าง” ของสถานะทางสังคมไม่ได้มีค่าอะไรไปมากกว่าความเหมือนกันทางความคิด-ทัศนคติเลย ซึ่งเราชอบประเด็นเหล่านี้ทั้งหมด พอมันบวกรสชาติแซ่บ ๆ นัว ๆ ตามสไตล์เข้าไป มันเลยทำให้ความช้ำของประเด็น พอจะเฟรชขึ้นมาได้บ้าง
.