My Lovely Boxer (2023) สู้ฝัน คืนสังเวียน

ดูซีรี่ย์เกาหลี My Lovely Boxer (2023) สู้ฝัน คืนสังเวียน เป็นละครกีฬาเกาหลีใต้ที่บอกเล่าเรื่องราวของนักมวยมากความสามารถชื่อลีควอนซุก (แสดงโดยคิมโซฮเย) ซึ่งหายตัวไปจากวงการมวยอย่างไม่คาดคิดในช่วงจุดสูงสุดในอาชีพการงานของเธอ สามปีต่อมาเธอใช้ชีวิตแบบครูอนุบาลที่ดูเหมือนธรรมดา และพยายามทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง อย่างไรก็ตามอดีตของเธอตามทันเมื่อเธอได้พบกับ Kim Tae-young (รับบทโดย Lee Sang-yeob) เจ้าหน้าที่กีฬาเลือดเย็นที่มองเห็นศักยภาพของ Kwon-sook ในฐานะเครื่องจักรทำเงิน และโน้มน้าวให้เธอกลับมาชกมวยอีกครั้ง ดูซีรี่ย์ My Lovely Boxer (2023) สู้ฝัน คืนสังเวียน ที่ kserietv

Kim Tae Young is a cold-blooded sports agent. He draws talented players into the sports field and makes as much money from them in a short period of time, before they burn out. One of his clients is Kim Hee Won. He is an excellent baseball pitcher and, unlike his other clients, he also means something to Kim Tae Young. For Kim Hee Won, who is in a difficult situation,

Kim Tae Young receives a task to bring female boxer Lee Kwon Sook back to the boxing ring. 3 years ago, Lee Kwon Sook emerged as an elite boxer at the age of 17. She was undefeated in all of her matches and she brought popularity to the sport. Suddenly, Lee Kwon Sook disappeared. For Kim Hee Won, Kim Tae Young approaches Lee Kwon Sook, who has started a new life away from boxing.

Native Title: 순정복서
Also Known As: My Lovely Boxer, Kwonsook , Pure Boxer Lee Kwon Suk , Sunjeongbokseo , Sunjeongbokseo Ikwonsuk , 순정복서 이권숙
Screenwriter: Kim Min Joo
Director: Hong Eun Mi, Choi Sang Yeol
Genres: Romance, Youth, Drama, Sports
Tags: Boxer Female Lead, Boxing, Competition, Bickering Mains’ Relationship, Age Gap [Real Life], Coming Of Age, First Love, Bet/Wager, Adapted From A Novel, Selfish Parent

เรื่องย่อ ดูซีรี่ย์ My Lovely Boxer (2023) พรสวรรค์ที่เธอไม่ต้องการ

ซีรีส์เล่าเรื่องราวของ อีควอนซุก (รับบทโดย คิมโซฮเย) นักมวยหญิงอัจฉริยะที่สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นแชมป์ตั้งแต่อายุ 17 ปี เธอไม่เคยพ่ายแพ้ให้ใครบนสังเวียน แต่แล้ววันหนึ่ง เธอกลับหายตัวไปจากวงการอย่างไรร่องรอย ทิ้งไว้เพียงคำถามและความสำเร็จในอดีต

3 ปีต่อมา คิมแทยอง (รับบทโดย อีซังยอบ) เอเย่นต์นักกีฬาเลือดเย็นที่มองหาผลประโยชน์เป็นหลัก กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะนักเบสบอลดาวรุ่งที่เขาทุ่มเทปั้นมาดันไปพัวพันกับข่าวฉาวล็อคผลการแข่งขัน เพื่อรักษาอาชีพและใช้หนี้ก้อนโต เขาจึงได้รับภารกิจให้ตามหา อีควอนซุก และพาเธอกลับขึ้นสังเวียนอีกครั้งให้ได้ แม้ว่ามันจะเป็นการแข่งขันที่ถูกกำหนดผลไว้แล้วก็ตาม

ภารกิจการนำ “นักมวยผู้เกลียดการชกมวย” กลับคืนสู่สังเวียนจึงเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างเอเย่นต์หนุ่มผู้เห็นแก่ตัวและนักชกสาวผู้ต้องการมีชีวิตธรรมดา

รีวิว My Lovely Boxer (2023): เมื่อสังเวียนไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของชีวิต

สวัสดีค่ะ แฟนๆ ซีรีส์เกาหลีทุกคน กลับมาพบกันอีกครั้งที่ kserietv.co นะคะ วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับซีรีส์แนวกีฬา-ดราม่าสุดเข้มข้น ที่จะทำให้คุณตั้งคำถามกับคำว่า “พรสวรรค์” และ “ความฝัน” กับเรื่อง  หรือในชื่อไทย “นักชกสุดที่รัก” เรื่องราวของนักมวยหญิงผู้เป็นอัจฉริยะแต่กลับเกลียดการชกมวยเป็นที่สุด!

ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่ฉากต่อยมวยสุดมันส์ แต่ยังเต็มไปด้วยปมดราม่าชีวิตที่น่าติดตาม ถ้าอยากรู้แล้วว่าทำไมนักมวยที่เก่งที่สุดถึงอยากหนีไปจากวงการ ตาม kserietv มาเจาะลึกกันเลยค่ะ

รีวิวและวิเคราะห์: ทำไมคุณไม่ควรพลาด 

1. พล็อตเรื่องที่ฉีกกรอบซีรีส์กีฬา สิ่งที่ทำให้ น่าสนใจคือการนำเสนอพล็อตเรื่องที่ “สวนทาง” กับซีรีส์กีฬาทั่วไป แทนที่จะเล่าเรื่องของคนที่พยายามไขว่คว้าความฝัน แต่กลับเป็นเรื่องของคนที่อยากจะ “ทิ้ง” พรสวรรค์ของตัวเองไป ซึ่งสร้างมิติให้ตัวละครและทำให้คนดูอยากเอาใจช่วยว่าเธอจะเลือกทางเดินไหน

2. เคมีที่ลงตัวของนักแสดงนำ อีซังยอบ ในบท คิมแทยอง ถ่ายทอดความเป็นเอเย่นต์เลือดเย็นที่ภายนอกดูร้ายกาจแต่ลึกๆ แล้วมีปมบางอย่างได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วน คิมโซฮเย (อดีตสมาชิก I.O.I) ก็พิสูจน์ฝีมือการแสดงในบท อีควอนซุก ได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งแววตาที่ว่างเปล่าเมื่อนึกถึงการชกมวย และความสดใสเมื่อได้ใช้ชีวิตแบบคนทั่วไป เคมีของทั้งคู่ที่เริ่มต้นจากผลประโยชน์ แต่ค่อยๆ พัฒนาเป็นความเข้าใจ คือหัวใจสำคัญของเรื่องนี้

3. โปรดักชันและฉากชกมวยที่สมจริง ซีรีส์เรื่องนี้ให้ความสำคัญกับฉากการชกมวยอย่างมาก ทั้งการเคลื่อนไหว ท่าทาง และบรรยากาศบนสังเวียนที่ดูสมจริง ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้เข้าไปนั่งเชียร์อยู่ข้างสนามจริงๆ เป็นการผสมผสานระหว่างความสวยงามของกีฬาและความดุเดือดของการต่อสู้

คะแนนจากนักวิจารณ์:

• IMDb: ได้รับคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7.5/10 ซึ่งถือเป็นคะแนนที่ดีสำหรับซีรีส์แนวดราม่า-กีฬา สะท้อนให้เห็นว่าผู้ชมต่างชาติชื่นชอบในพล็อตเรื่องที่แปลกใหม่และเคมีของนักแสดง
• Rotten Tomatoes: ยังไม่มีคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์ (Tomatometer) อย่างเป็นทางการ แต่คะแนนจากฝั่งผู้ชม (Audience Score) อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ

แนะนำนักแสดงและผู้สร้าง

• อีซังยอบ (Lee Sang Yeob) รับบทเป็น คิมแทยอง
• คิมโซฮเย (Kim So Hye) รับบทเป็น อีควอนซุก
• คิมจินอู (Kim Jin Woo) รับบทเป็น ฮันแจมิน
• พัคจีฮวาน (Park Ji Hwan) รับบทเป็น คิมโอบก
• ผู้กำกับ: ชเวซังยอล (Choi Sang Yeol)
• คนเขียนบท: คิมมินจู (Kim Min Joo) (สร้างจากนวนิยายของ ชูจงนัม)

Rimi Official (Rimi)

⭐ ⭐ ⭐ ⭐ ⭐

ฉันคิดว่าละครเรื่องนี้ underrated มาก มันเป็นหนึ่งในละครเรื่องโปรดของฉันในปีนี้ มันสะท้อนถึงอารมณ์ของคนมีพรสวรรค์ในการชกมวยแต่ไม่อยากทำจริงๆ และอีกด้านหนึ่งคือคนที่ไม่มีพรสวรรค์ด้านฟุตบอลจึงต้องยอมแพ้ แม้แต่ความรักระหว่างพระเอกก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ชายหนุ่มที่ไม่เคยได้รับการปฏิบัติด้วยความรักจากผู้ชายคนใดในตัวเธอเลยตกหลุมรักเป็นครั้งแรก และละครเรื่องนี้ก็ได้แสดงฉากเหล่านี้ได้อย่างน่าพึงพอใจมาก ฉันรักมันอย่างแน่นอน ใครชอบแนวสปอร์ตรอมคอมเบาๆ ควรดูครับ ❤️

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: ซีรีส์เรื่องนี้เน้นแต่เรื่องชกมวยหรือเปล่า? A: ไม่เลยค่ะ แม้จะมีฉากชกมวยเป็นหัวใจหลัก แต่ซีรีส์ให้น้ำหนักกับเรื่องราวดราม่าชีวิตของตัวละคร การค้นหาความหมายของชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างพระ-นางเป็นอย่างมากค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ใช่คอกีฬาก็ดูสนุกได้

Q: เนื้อเรื่องโรแมนติกมากไหม? A: ความรักในเรื่องนี้จะมาในรูปแบบค่อยเป็นค่อยไปค่ะ ไม่ใช่แนวโรแมนติก-คอมเมดี้หวานแหวว แต่เป็นความสัมพันธ์ที่เกิดจากความเห็นใจและความเข้าใจ ซึ่งลึกซึ้งและน่าติดตามไปอีกแบบ

Q: ดู My Lovely Boxer แบบถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ไหน? A: สำหรับแฟนซีรีส์ชาวไทย สามารถรับชม พร้อมซับไทยแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง Viu ค่ะ

Q: สรุปแล้ว My Lovely Boxer น่าดูไหม? A: น่าดูมากค่ะ! หากคุณกำลังมองหาซีรีส์ที่พล็อตเรื่องน่าสนใจ ไม่ซ้ำใคร และเต็มไปด้วยการแสดงที่ทรงพลัง My Lovely Boxer (2023) คือตัวเลือกที่ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน เป็นซีรีส์ที่ชวนให้เรากลับมาทบทวนว่า “ความสุขที่แท้จริง” ของเราอยู่ที่ไหนกันแน่