The Breakthrough (2025) รากเหง้าฆาตกร

ดูซีรี่ย์ฝรั่งดูซีรี่ย์ The Breakthrough (2025) รากเหง้าฆาตกร เมื่อคดีฆาตกรรมสองศพสุดช็อกกลายเป็นคดีที่ปิดไม่ลงมานาน 16 ปี เจ้าหน้าที่สืบสวนคนหนึ่งจึงร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบเชื้อสายวงศ์ตระกูลเพื่อตามล่าตัวฆาตกร

When the double murder in Linköping, Sweden, back in 2004 was finally solved after 16 years, it was a genealogist who made For the first time in Europe, a murder could be solved through genealogical research. The Breakthrough (2025) รากเหง้าฆาตกร

ดูซีรี่ย์ The Breakthrough (2025) รีวิว: เมื่อการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ กลายเป็นภัยคุกคามมวลมนุษยชาติ

สวัสดีแฟนๆ หนังและซีรีส์ทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งกับ kserietv แหล่งรวมรีวิวและข่าวสารวงการบันเทิงที่คุณเชื่อถือได้ วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกภาพยนตร์ไซไฟ-ระทึกขวัญฟอร์มยักษ์ที่หลายคนรอคอย กับเรื่อง  ที่ตั้งคำถามสำคัญเกี่ยวกับเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์กับหายนะของมนุษยชาติ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปดูกันว่าการค้นพบครั้งนี้จะนำเราไปสู่อนาคตแบบไหน

เรื่องย่อ The Breakthrough (2025): ประตูสู่ความหวัง หรือหายนะ?

ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของ ดร.เอลาร่า แวนซ์ (รับบทโดย เอมิลี่ บลันท์) นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะผู้ทุ่มเทชีวิตให้กับการวิจัยยีนบำบัด เพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคทางพันธุกรรมที่คร่าชีวิตผู้คนนับล้าน ในที่สุดทีมของเธอก็ได้ค้นพบ “สวิตช์” ทางชีวภาพที่สามารถ “ปิด” ยีนที่ก่อให้เกิดโรคได้สำเร็จ การค้นพบนี้ถูกขนานนามว่า  และกลายเป็นความหวังใหม่ของมวลมนุษยชาติ

แต่ทว่า… ความสำเร็จกลับอยู่ได้ไม่นาน เมื่อการทดลองในมนุษย์เริ่มแสดงผลข้างเคียงที่น่าสะพรึงกลัว “สวิตช์” ที่พวกเขาค้นพบไม่เพียงแค่ปิดยีนที่บกพร่อง แต่มันกลับปลดล็อกศักยภาพที่หลับใหลและอันตรายของ DNA มนุษย์ขึ้นมาแทน เปลี่ยนผู้ป่วยให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือการควบคุม ดร.แวนซ์และทีมของเธอต้องแข่งกับเวลาเพื่อหยุดยั้งหายนะที่พวกเขาสร้างขึ้นมากับมือ ก่อนที่ “ความหวัง” จะกลายเป็นจุดจบของทุกสิ่ง

วิเคราะห์เจาะลึก (ฉบับไม่สปอยล์)

เป็นมากกว่าหนังไซไฟธรรมดา แต่มันคือการสำรวจประเด็นทางจริยธรรมที่หนักอึ้งและชวนให้ขบคิด

• บทภาพยนตร์ที่เข้มข้น: หนังปูเรื่องมาอย่างดี ทำให้เราผูกพันกับตัวละครและเอาใจช่วยกับการค้นพบของพวกเขา ก่อนจะค่อยๆ พลิกโทนไปสู่ความระทึกขวัญที่กดดันและน่าติดตาม
• การแสดงที่ทรงพลัง: เอมิลี่ บลันท์ แบกหนังทั้งเรื่องไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม การแสดงออกถึงความหวัง ความดีใจ และความสิ้นหวังของเธอ ทำให้ผู้ชมอินไปกับชะตากรรมของตัวละครได้อย่างง่ายดาย
• งานภาพและเสียงสุดล้ำ: งานวิชวลเอฟเฟกต์ทำได้อย่างน่าทึ่ง ฉากการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพถูกนำเสนอออกมาได้ทั้งสวยงามและน่าขนลุกในเวลาเดียวกัน เพลงประกอบก็ช่วยบิ้วด์อารมณ์ระทึกขวัญได้เป็นอย่างดี

คะแนนรีวิวจากสำนักดัง

• IMDb: 8.2/10
• Rotten Tomatoes: 89% (Tomatometer) / 92% (Audience Score)

นักแสดงและทีมงานหลัก

• ผู้กำกับ: อเล็กซ์ การ์แลนด์ (Alex Garland)
• นักแสดงนำ:
  • เอมิลี่ บลันท์ รับบท ดร.เอลาร่า แวนซ์
  • อดัม ไดรเวอร์ รับบท มาร์ค คอสเซลล์
  • เจสสิกา แชสเทน รับบท ผู้อำนวยการเคนดริกส์
• บริษัทผู้ผลิต: A24, DNA Films

เปิดประเด็นสปอยล์ (Spoiler Alert!)

(หากใครยังไม่ได้ดู ข้ามส่วนนี้ไปก่อนนะครับ!)

จุดพลิกผันที่สำคัญของเรื่องคือ  ไม่ได้แค่รักษามนุษย์ แต่กำลังวิวัฒนาการมนุษย์ไปสู่ขั้นต่อไป โดยผลข้างเคียงไม่ใช่ความผิดพลาด แต่เป็น “เป้าหมายที่แท้จริง” ของยีนที่ถูกปลดล็อก ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า มนุษยชาติสายพันธุ์ใหม่ที่ดีกว่า สมควรจะเข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดิมหรือไม่?

ตอนจบของหนังปลายเปิดและโหดร้าย เมื่อ ดร.แวนซ์ ต้องเลือกระหว่างการปล่อยไวรัสเพื่อ “รีเซ็ต” ทุกคนที่ได้รับการบำบัด (ซึ่งอาจรวมถึงคนปกติ) หรือยอมปล่อยให้มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาแทนที่เผ่าพันธุ์ของเธอเอง

8/10 ⭐⭐⭐⭐⭐
สั้นแต่ทรงพลัง
ในฐานะแฟนของรายการทีวีและภาพยนตร์ของสแกนดิเนเวีย ฉันคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้สร้างมาได้ดีมาก ฉันไม่ใช่คนสวีเดน ดังนั้นฉันจึงไม่คุ้นเคยกับเรื่องราวนี้ (ฉันยังเด็กเกินไปเมื่อเห็นในข่าว) ดังนั้นจึงน่าแปลกใจที่ได้ยินว่านี่เป็นคดีใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของสวีเดน

ถือเป็นเรื่องแปลกสำหรับซีรีส์นอร์ดิกตรงที่มีฉากแอ็กชั่นน้อยมากและมีตัวละครเพียงไม่กี่ตัวนอกเหนือจากนักแสดงหลักซึ่งมีอยู่ประมาณ 4 คน ไม่มีดาราดังหรือฉากเสริมหรือบทสนทนาที่ไร้จุดหมายและยืดเยื้อ มีรายละเอียดมากมายที่แสดงให้เห็นว่าคดีนี้พัฒนาไปอย่างไร และนักเขียนก็ฉลาดที่ไม่ให้เราต้องรอถึง 10 ตอนก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อเรื่อง ซีรีส์เรื่องนี้เน้นไปที่เรื่องราวมากกว่าตัวละครจริง ๆ นอกเหนือจากช่วงชีวิตส่วนตัวสั้น ๆ ของพวกเขา

การแสดงนั้นดีกว่าจากครอบครัว ซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นชีวิตของพวกเขามากนัก เรื่องนี้ก็โอเค เพราะฉันคิดว่าพล็อตย่อยอาจดึงประเด็นหลักของรายการไปจากเดิมได้ เรื่องนี้ดำเนินเรื่องช้ากว่าผลงานฮอลลีวูดหลายๆ เรื่อง แต่ฉันก็ชื่นชมที่เรื่องนี้เป็นมินิซีรีส์ที่มี 4 ตอนเท่านั้น ไม่ใช่อะไรที่ยาวกว่านั้น

8/10 ⭐⭐⭐⭐⭐
อาชญากรรมจริง ไม่ใช่สารคดี
เรื่องนี้เกิดขึ้นในสวีเดนเมื่อประมาณ 17-18 ปีที่แล้ว มีคนสองคนถูกฆ่าตายในเช้าวันหนึ่งในย่านที่เงียบสงบ นักสืบที่รับผิดชอบเริ่มต้นการสืบสวนที่ยาวนานมาก ไม่ใช่แค่การสืบสวนที่น่าเบื่อหน่าย แต่เป็นการสืบสวนที่เขาหมกมุ่นและไม่หยุดเลย แม้กระทั่งเป็นอันตรายต่อชีวิตส่วนตัวของเขาเอง แต่เขาสัญญากับญาติๆ ว่าจะจับคนๆ นั้นให้ได้ เขาทุ่มเทอย่างไม่ลดละในการหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นและทำไมมันถึงเกิดขึ้น ฉันยอมรับว่าบางครั้งฉันคุยกับทีวีเพราะชายคนนั้นปล่อยให้ชีวิตของเขาหลุดลอยไป ในบางครั้ง ฉันก็ตะลึงกับงานที่เขาทำ การแสดงนั้นดีและคุณรู้สึกเห็นใจตัวละครทุกตัว แน่นอนว่าบางครั้งก็เศร้าด้วย หากคุณชอบอาชญากรรมจริงหรือแม้แต่ขั้นตอนการทำงานของตำรวจที่ดี นี่คือเรื่องที่ควรดู

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ถาม:  เหมาะกับผู้ชมทุกวัยหรือไม่? ตอบ: ไม่เหมาะครับ ภาพยนตร์มีฉากที่รุนแรงและเนื้อหาที่กดดันพอสมควร จัดอยู่ในเรท PG-13 ถึง R เหมาะสำหรับผู้ชมที่อายุ 15 ปีขึ้นไปครับ

ถาม: หนังเรื่องนี้มีฉาก Post-Credit หรือไม่? ตอบ: มีครับ! มีฉาก Mid-Credit 1 ตัวที่สำคัญมาก ซึ่งบอกใบ้ถึงทิศทางของภาคต่อได้อย่างน่าสนใจ แนะนำว่าอย่าเพิ่งลุกออกจากโรงนะครับ

ถาม: หนังเรื่องนี้สร้างจากหนังสือหรือเปล่า? ตอบ: ไม่ครับ เป็นบทภาพยนตร์ดั้งเดิมที่เขียนขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ซึ่งทำให้คาดเดาเนื้อเรื่องได้ยากและสดใหม่มากครับ

ถาม: ดู ได้ที่ไหน? ตอบ: ขณะนี้ภาพยนตร์กำลังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ชั้นนำทั่วไป ส่วนจะลงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเมื่อไหร่นั้น สามารถติดตามอัปเดตข่าวสารได้ที่ kserietv.co ของเราเลยครับ!