The Penguin (2024) เดอะ เพนกวิน

ดูซีรี่ย์ฝรั่ง The Penguin (2024) เดอะ เพนกวิน หลังจากเหตุการณ์ในThe Batman (2022)ออซ ค็อบบ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อเพนกวิน ได้ทำการวางแผนเพื่อกุมบังเหียนโลกแห่งอาชญากรรมในเมืองก็อตแธม ดูซีรี่ย์ The Penguin (2024) เดอะ เพนกวิน ที่ kserietv

Following the events of The Batman (2022), Oz Cobb, a.k.a. the Penguin, makes a play to seize the reins of the crime world in Gotham.

ดูซีรี่ย์ The Penguin (2024) เจาะลึกเส้นทางเจ้าพ่อแห่งก็อตแธม การขึ้นสู่บัลลังก์อำนาจที่ต้องแลกด้วยเลือด

ซีรีส์ดราม่าอาชญากรรมสุดเข้มข้นจากจักรวาล The Batman ของผู้กำกับ Matt Reeves ที่จะพาผู้ชมดำดิ่งสู่โลกใต้ดินอันโสมมของเมืองก็อตแธม ผ่านสายตาของ ออสวอลด์ “ออซ” คอบเบิลพอต หรือที่รู้จักกันในนาม “เดอะ เพนกวิน” ชายผู้มีความทะเยอทะยานอันแรงกล้าในการก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของอำนาจในวงการมาเฟีย การเดินทางที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม การหักหลัง และความรุนแรง พร้อมแล้วที่จะสะกดทุกลมหายใจบนแพลตฟอร์ม HBO Max

ซีรีส์เรื่องนี้คือบทขยายที่สมบูรณ์แบบของภาพยนตร์ The Batman (2022) โดยจะเจาะลึกไปที่ตัวละครเพนกวินที่รับบทโดย โคลิน ฟาร์เรลล์ (Colin Farrell) ซึ่งแปลงโฉมได้อย่างน่าทึ่งจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม พร้อมถ่ายทอดการแสดงอันทรงพลังที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม บทความนี้จาก kserietv.co จะพาทุกท่านไปรีวิวและทำความรู้จักกับซีรีส์เรื่องนี้ให้มากขึ้น ทั้งเรื่องย่อ นักแสดง ทีมผู้สร้าง และตอบทุกคำถามที่คอซีรีส์อยากรู้

เรื่องย่อ: เมื่อเมืองสิ้นราชันย์ การแย่งชิงอำนาจจึงเริ่มต้น

เริ่มต้นเรื่องราวเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์ในภาพยนตร์ The Batman เมื่อ คาร์ไมน์ ฟัลโคน (Carmine Falcone) เจ้าพ่ออาชญากรรมผู้ยิ่งใหญ่แห่งก็อตแธมถูกสังหาร ทำให้เกิดสุญญากาศทางอำนาจครั้งใหญ่ในโลกใต้ดินของเมืองที่กำลังบอบช้ำจากอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ก่อโดยเดอะริดเลอร์

ท่ามกลางความโกลาหลนี้เอง ออสวอลด์ “ออซ” คอบเบิลพอต ลูกน้องคนสนิทของฟัลโคน ผู้ถูกมองว่าเป็นเพียงตัวตลกและถูกประเมินค่าต่ำมาโดยตลอด เล็งเห็นโอกาสทองในการสร้างอาณาจักรของตัวเอง เขาเริ่มต้นเส้นทางแห่งการนองเลือดด้วยการไต่เต้าจากเบี้ยล่างสู่การเป็นผู้เล่นคนสำคัญในเกมชิงบัลลังก์ แต่หนทางนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ออซต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่น่าเกรงขามอย่าง โซเฟีย ฟัลโคน (Sofia Falcone) รับบทโดย คริสติน มิลิโอติ (Cristin Milioti) ลูกสาวของคาร์ไมน์ที่กลับมาเพื่อทวงคืนอำนาจและมรดกของตระกูล พร้อมด้วยแก๊งมาเฟียคู่อริอีกมากมายที่พร้อมจะขย้ำทุกคนที่ขวางทาง

ผู้ชมจะได้ติดตามการเดินทางของออซที่ต้องใช้ทั้งสติปัญญาอันเฉียบแหลม ความโหดเหี้ยม และกลยุทธ์อันแยบยล เพื่อหักเหลี่ยมเฉือนคมกับศัตรูรอบด้าน สร้างพันธมิตร และกำจัดทุกคนที่เป็นเสี้ยนหนาม สู่เป้าหมายเดียวคือการขึ้นเป็นเจ้าพ่อคนใหม่แห่งก็อตแธม

แนะนำนักแสดงและทีมผู้สร้าง

ความยอดเยี่ยมของ ไม่ได้มาจากบทที่เข้มข้นเท่านั้น แต่ยังมาจากการรวมตัวของนักแสดงและทีมงานคุณภาพ

นักแสดงนำ:

• โคลิน ฟาร์เรลล์ (Colin Farrell) กลับมารับบท ออสวอลด์ “ออซ” คอบเบิลพอต / เดอะ เพนกวิน อีกครั้ง ด้วยการแสดงที่น่าขนลุกและทรงพลังยิ่งกว่าเดิม
• คริสติน มิลิโอติ (Cristin Milioti) ในบท โซเฟีย ฟัลโคน ทายาทมาเฟียผู้มีความฉลาดและอำมหิตไม่แพ้ผู้เป็นพ่อ
• เรนซี เฟลิซ (Rhenzy Feliz) รับบท วิคเตอร์ อากีลาร์ เด็กหนุ่มที่จับพลัดจับผลูเข้ามาเป็นคนขับรถและผู้ช่วยของออซ
• แคลนซี บราวน์ (Clancy Brown) รับบท ซัลวาตอเร มาราโน หัวหน้าแก๊งมาเฟียคู่ปรับตลอดกาลของตระกูลฟัลโคน

ทีมผู้สร้าง:

• ผู้อำนวยการสร้างบริหาร: แมตต์ รีฟส์ (Matt Reeves) ผู้กำกับจาก The Batman ยังคงกลับมาคุมบังเหียนในตำแหน่งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าโทนเรื่องและบรรยากาศยังคงเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลเดียวกัน
• โชว์รันเนอร์และผู้พัฒนาบท: ลอเรน เลอฟรังก์ (Lauren LeFranc)
• ผู้กำกับ: เคร็ก โซเบล (Craig Zobel) (ผู้กำกับ 3 ตอนแรก) เป็นที่รู้จักจากผลงานอย่าง Mare of Easttown และ The Hunt

รีวิวและเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์

ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางจากนักวิจารณ์ทั่วโลก โดยเฉพาะการแสดงของโคลิน ฟาร์เรลล์ และ คริสติน มิลิโอติ ที่ถูกยกให้เป็นหัวใจสำคัญของเรื่อง

• Rotten Tomatoes: ซีรีส์เปิดตัวด้วยคะแนนสูงถึง 93% จากนักวิจารณ์ ซึ่งสูงกว่าคะแนนของภาพยนตร์ The Batman (85%) เสียอีก นักวิจารณ์ส่วนใหญ่ชื่นชมในความเป็นซีรีส์แก๊งสเตอร์ที่หนักแน่น สมจริง และเต็มไปด้วยบทสนทนาที่เฉียบคม
• IMDb: แม้จะยังไม่มีคะแนนอย่างเป็นทางการในช่วงแรก แต่เสียงตอบรับจากผู้ชมทั่วไปก็เป็นไปในทิศทางบวกอย่างท่วมท้น โดยยกให้เป็นหนึ่งในซีรีส์ภาคแยกจากคอมิกที่ดีที่สุด

นักวิจารณ์หลายสำนักเปรียบเทียบโทนเรื่องว่ามีความคล้ายคลึงกับภาพยนตร์มาเฟียระดับตำนานอย่าง The Godfather และซีรีส์ขึ้นหิ้งอย่าง The Sopranos แต่ยังคงเอกลักษณ์ความดาร์กและหม่นหมองของเมืองก็อตแธมไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

Marco Landeta

⭐ ⭐ ⭐ ⭐ ⭐

ไม่ใช่ว่าซีรีส์ทั้งหมดในจักรวาล Batman จะต้องอาศัยอัศวินรัตติกาลในการเปล่งประกาย และ ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ผลงานแยกเรื่องนี้เน้นไปที่การแสดงของโคลิน ฟาร์เรลล์ ผู้กล้าหาญ ไร้พันธนาการ และไม่สามารถจดจำได้ ซึ่งทำให้โอซมีชีวิตขึ้นมาด้วยการผสมผสานระหว่างความเศร้าโศก ความโหดร้าย และความทะเยอทะยานไร้ขอบเขต คริสติน มิลิโอติไม่ใช่คนเฉื่อยชา โดยเธอถ่ายทอดความเข้มข้นออกมาทำให้ทุกฉากที่เธอแสดงกับฟาร์เรลล์เปล่งประกาย พวกเขาร่วมกันสร้างความตึงเครียดที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละตอน

ซีรีส์เรื่องนี้รู้ดีว่าควรมีความยาวเท่าใด ซึ่งก็คือ 8 ตอนที่ไม่ยืดยาวเกินความจำเป็นและไม่เสียจังหวะ ต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ยืดเนื้อเรื่องจนสูญเสียจุดสนใจ เข้าประเด็นได้โดยไม่สูญเสียบรรยากาศที่น่ารังเกียจและรุนแรง ซึ่งเข้ากันได้ดีกับ Gotham ของ Matt Reeves ฉากนั้นยอดเยี่ยมมาก มืดมนและเสื่อมโทรมอย่างที่ควรจะเป็น และโทนผสมผสานละครแก๊งค์สเตอร์คลาสสิกเข้ากับองค์ประกอบที่แทบจะเป็นละครเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมส่วนบุคคล

เป็นเรื่องจริงที่ตัวละครรองบางเรื่องแทบไม่มีเวลาได้เปล่งประกายและไม่ใช่ว่าทุกตอนจะรักษาระดับเดียวกัน แต่สิ่งนั้นไม่ได้ลดทอนความจริงที่ว่าซีรีส์โดยรวมนั้นทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ มีช่วงที่ทรงพลังจริงๆ คุณไม่จำเป็นต้องดู Batman เพื่อสังเกตเห็นพลัง พลังคุกคาม และการดิ้นรนแย่งชิงอำนาจที่แทรกซึมอยู่ทุกมุมของเมือง Gotham

หากคุณกำลังมองหาเรื่องราวของเมืองก็อตแธมที่เล่าจากท่อระบายน้ำ นี่คือเรื่องราวที่ประกอบไปด้วยลักษณะนิสัย เลือด และความทะเยอทะยาน ซีรี่ย์ที่ไม่จำเป็นต้องมีเสื้อคลุมหรือหูแหลมๆ ก็สร้างเอกลักษณ์ได้

(ภาษาอังกฤษ) ไม่จำเป็นที่ซีรีส์ทุกเรื่องในจักรวาล Batman จะต้องอาศัยอัศวินรัตติกาลในการเฉิดฉาย และ  ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ภาคแยกนี้เน้นไปที่การแสดงอันสุดบรรเจิด ไม่สามารถจดจำได้ และยอดเยี่ยมของโคลิน ฟาร์เรลล์ โดยนำเอาออซมาสู่ชีวิตด้วยการผสมผสานระหว่างความน่าสมเพช ความโหดร้าย และความทะเยอทะยานอันล้นหลาม คริสติน มิลิโอติก็ไม่ตามหลังมาไม่ไกล โดยถ่ายทอดความเข้มข้นที่กระตุ้นความรู้สึกในทุกฉากที่เธอแสดงกับฟาร์เรล พวกเขาร่วมกันสร้างความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นในแต่ละตอน

ซีรีส์นี้รู้ดีว่าควรมีความยาวเท่าใด นั่นคือ 8 ตอนที่ไม่ยืดเยื้อหรือเสียจังหวะ ต่างจากผลงานอื่นๆ ที่ยืดเนื้อเรื่องออกจนเสียประเด็น  นำเสนอเข้าประเด็นโดยตรงโดยยังคงโทนที่เข้มข้น รุนแรง ซึ่งเข้ากันได้ดีกับ Gotham ของ Matt Reeves บรรยากาศนั้นยอดเยี่ยมมาก มืดมนและทรุดโทรมอย่างที่ควรจะเป็น และโทนของเรื่องยังผสมผสานละครแก๊งสเตอร์คลาสสิกเข้ากับความรู้สึกโศกนาฏกรรมส่วนตัวที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นละคร

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ถาม: ต้องดู The Batman (2022) ก่อนดู  หรือไม่? ตอบ: แนะนำอย่างยิ่งครับ! แม้ว่าซีรีส์จะสามารถดูแยกได้ แต่เรื่องราวใน เกิดขึ้นต่อเนื่องทันทีหลังจากเหตุการณ์ในภาพยนตร์ การรับชม The Batman มาก่อนจะทำให้คุณเข้าใจบริบท ที่มาที่ไปของตัวละคร และสถานการณ์ของเมืองก็อตแธมได้อย่างเต็มอรรถรส

ถาม: ซีรีส์  อยู่ในไทม์ไลน์ช่วงไหน? ตอบ: เรื่องราวเริ่มต้น 1 สัปดาห์ หลังจากตอนจบของ The Batman (2022) ซึ่งเป็นช่วงที่เมืองก็อตแธมกำลังเผชิญกับภาวะสุญญากาศทางอำนาจหลังจากการตายของคาร์ไมน์ ฟัลโคน

ถาม: จะได้เห็น แบทแมน (โรเบิร์ต แพตตินสัน) ในซีรีส์เรื่องนี้หรือไม่? ตอบ: ทีมผู้สร้างได้ยืนยันแล้วว่า แบทแมนจะไม่ปรากฏตัว ในซีรีส์เรื่องนี้ครับ เนื่องจากเรื่องราวจะมุ่งเน้นไปที่การชิงไหวชิงพริบของเหล่าอาชญากรในโลกใต้ดินเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม “ตัวตน” และ “อิทธิพล” ของแบทแธมยังคงส่งผลกระทบต่อเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่องอยู่เสมอ

ถาม: ซีรีส์เรื่องนี้จะเชื่อมโยงไปยัง The Batman Part II หรือไม่? ตอบ: แน่นอนครับ  ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสะพานเชื่อมระหว่าง The Batman ภาคแรกและภาคที่สอง (The Batman Part II) โดยเรื่องราวการขึ้นสู่อำนาจของออซในซีรีส์นี้ จะส่งผลโดยตรงต่อภูมิทัศน์ของโลกอาชญากรรมที่แบทแธมจะต้องเผชิญในภาพยนตร์ภาคต่อไป

ถาม: สามารถรับชม The Penguin ได้ที่ไหน? ตอบ: คุณสามารถรับชมซีรีส์ ได้ทาง HBO และ HBO GO ครับ