The Signal (2024) สัญญาณ

ดูซีรี่ย์ฝรั่ง The Signal (2024) สัญญาณ เรื่องราวเกี่ยวกับนักบินอวกาศพอลล่าที่หายตัวไปอย่างลึกลับหลังจากกลับมายังโลก สเวน สามีของเธอตั้งใจจะหาคำตอบตามปริศนาที่พอลล่าทิ้งไว้ ในขณะที่เขาคลี่คลายความลึกลับ ชีวิตของเขาและโลกก็เผชิญกับอันตรายที่เพิ่มมากขึ้น ดูซีรี่ย์ The Signal (2024) สัญญาณ ที่ kserietv

Paula doesn’t come home. Sven and his daughter Charlie wait for her at the gate, but her plane has vanished. While Sven tries to protect his daughter from the terrible events, he clutches at every straw he is offered. Suddenly, it seems like he is onto something; Paula left him a clue, a trail of breadcrumbs for Sven to follow. But the further down the trail he goes, the more his life falls apart, the bigger the mystery grows and the greater the threat for him, Charlie… and even the entire world. Paula was no average person. She was on the ISS. And there, in the darkness of space, she discovered something. Or didn’t she?

เรื่องย่อ ดูซีรี่ย์ The Signal (2024) สัญญาณจากใคร?

ซีรีส์เล่าเรื่องราวของ พอลล่า (รับบทโดย Peri Baumeister) นักวิทยาศาสตร์และนักบินอวกาศหญิงที่กำลังจะเดินทางกลับโลกหลังจากปฏิบัติภารกิจบนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ได้สำเร็จ เธอไม่ใช่แค่ฮีโร่ของมวลมนุษยชาติ แต่ยังเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของ สเวน (รับบทโดย Florian David Fitz) สามีของเธอ และ ชาร์ลี (รับบทโดย Yuna Bennett) ลูกสาวตัวน้อยที่เฝ้ารอการกลับมาของแม่อย่างใจจดใจจ่อ

แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเครื่องบินที่พอลล่าโดยสารเพื่อเดินทางกลับบ้านได้หายไปอย่างเป็นปริศนา ทิ้งไว้เพียงความเศร้าโศกและคำถามมากมายให้กับสเวนและชาร์ลี สเวนไม่ยอมแพ้และพยายามสืบหาความจริงเบื้องหลังการหายตัวไปของภรรยา จนกระทั่งเขาได้พบกับ “ขนมปังชิ้นเล็กๆ” ที่พอลล่าทิ้งไว้ให้ ซึ่งเป็นปริศนาที่นำทางเขาไปสู่การค้นพบที่ยิ่งใหญ่และอันตรายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด

พอลล่าอาจได้ยินบางอย่างบนอวกาศ… สัญญาณ… ที่อาจไม่ใช่แค่สัญญาณวิทยุธรรมดา แต่มันคือคำทักทายจากสิ่งมีชีวิตนอกโลก! การค้นพบครั้งนี้คือความหวังของมนุษยชาติ หรือเป็นภัยคุกคามที่ต้องถูกกำจัดกันแน่?

นักแสดงและทีมผู้สร้าง

• Peri Baumeister รับบทเป็น พอลล่า: นักบินอวกาศที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เธอคือหัวใจของเรื่องราวทั้งหมด
• Florian David Fitz รับบทเป็น สเวน: สามีผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา การแสดงของเขาสื่อถึงความรักและความเจ็บปวดได้อย่างลึกซึ้ง
• Yuna Bennett รับบทเป็น ชาร์ลี: ลูกสาวที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียและปริศนาที่แม่ทิ้งไว้
• ผู้กำกับและผู้เขียนบท: Sebastian Hilger และ Philipp Leinemann

การแสดงที่ทรงพลังของนักแสดงหลัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูก (สเวนและชาร์ลี) คืออีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าติดตามและเข้าถึงใจผู้ชมได้ง่ายยิ่งขึ้น

รีวิว The Signal (2024) สัญญาณลับจากห้วงอวกาศ: เมื่อการกลับมาคือจุดเริ่มต้นของปริศนา

สวัสดีค่ะแฟนๆ Kserietv ทุกคน! วันนี้เรามีซีรีส์ไซไฟ-ดราม่า-ลึกลับเรื่องใหม่จากเยอรมนีมาแนะนำกันค่ะ บอกเลยว่าใครที่เป็นคอหนังแนวอวกาศและเรื่องราวปริศนาซับซ้อนจะต้องถูกใจอย่างแน่นอนกับ  (Das Signal) ลิมิเต็ดซีรีส์ 4 ตอนจบจาก Netflix ที่จะพาคุณไปไขความลับอันน่าสะพรึงกลัวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังสัญญาณจากห้วงอวกาศอันไกลโพ้น

ไม่ใช่แค่ซีรีส์ไซไฟธรรมดา แต่เป็นการผสมผสานเรื่องราวของครอบครัว ความรัก และการค้นหาความจริงที่ถูกปิดบังไว้อย่างลงตัว ถ้าพร้อมแล้ว เราไปติดตามเรื่องราวของพวกเขากันเลยค่ะ!

รีวิวจากนักวิจารณ์และผู้ชม

ได้รับเสียงตอบรับที่ค่อนข้างดีจากหลายสำนัก โดยเฉพาะในด้านการสร้างบรรยากาศที่ลึกลับและน่าติดตาม รวมถึงการแสดงที่ยอดเยี่ยม

• IMDb: ได้รับคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6.0/10 ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นซีรีส์ที่ดูได้เพลินๆ มีทั้งคนที่ชื่นชอบในพล็อตที่ซับซ้อนและคนที่ไม่ค่อยอินกับจังหวะการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างเนิบนาบในช่วงแรก
• Rotten Tomatoes: ได้คะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์ไปถึง 80% ซึ่งถือว่าสูงมาก โดยส่วนใหญ่ชื่นชมการผสมผสานระหว่างดราม่าครอบครัวและปริศนาไซไฟที่ทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ

โดยรวมแล้ว เป็นซีรีส์ที่โดดเด่นในการสร้างความรู้สึกกดดันและสงสัยใคร่รู้ไปพร้อมๆ กัน แม้จะมีเพียง 4 ตอน แต่กลับอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาและปริศนาที่ชวนให้ขบคิดตลอดทั้งเรื่อง

Frank Lüser

⭐

ฉันเขียนรีวิวนี้เพราะ Netflix แนะนำซีรีส์นี้ให้ฉันว่า “ฉันอาจจะชอบมันเป็นพิเศษ” ในความเป็นจริง ซีรีส์นี้ดูเหมือนกับว่าสคริปต์ถูกเขียนขึ้นโดย Generative AI เพื่อกระตุ้นผู้ใช้ Netflix จำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าฉันได้รับการยอมรับว่าเป็นสมาชิกโดยพิจารณาจากความชอบในการรับชมที่ผิวเผินมากที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้ บางอย่างเกี่ยวกับนิยายวิทยาศาสตร์ บางอย่างไร้สาระ ซึ่งเครื่องหากำไรไม่สามารถเข้าใจได้ ดูเหมือนว่าฉันจะถูกมอบหมายให้อยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่มีการศึกษาเพียงครึ่งเดียว ซึ่งพูดคุยไปรอบๆ อย่างไม่พอใจเกี่ยวกับสภาพอันน่าสังเวชของโลก ผู้ผิวปากเกี่ยวกับบางสิ่งแล้วกลายเป็นโรคจิต ผู้ดื่มด่ำกับสติปัญญาของตนเองโดยไม่มีความเสี่ยงเพราะพวกเขาได้ B+ เสมอ แม้ว่าพวกเขาจะทำได้แย่ที่สุดในโรงเรียน ผู้พบว่าการเลือกปฏิบัติและภัยพิบัติทางสภาพอากาศโง่เขลาและความหลากหลายที่ยอดเยี่ยม แน่นอน ฉันรู้จักกับพ่อแม่ที่มีลูกพิการทางร่างกายแต่มีพรสวรรค์อย่างแน่นอน

เนื่องจากฉันได้รับมอบหมายให้อยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกความรู้สึกที่ตัวละครรู้สึกนั้นเหมือนค้อนไม้ เหมือนกับว่าฉันกำลังดูซีรีส์การ์ตูนใน Nikelodeon สำหรับเด็กอายุ 5-10 ขวบ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่โครงเรื่องเป็นเรื่องราวที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการหยุดชั่วคราวเพื่อไตร่ตรองตามแผนที่วางไว้ โดยไม่มีความตึงเครียดใดๆ เพราะเนื่องจากฉันเป็นสิ่งที่ถูกเรียกว่า “ชาวดิจิทัล” อย่างหยิ่งยโส คุณจึงต้องพยายามเป็นพิเศษเพื่อดึงความสนใจของฉันไว้อย่างถาวร

นักแสดงใช้ความพยายามอย่างแท้จริงในการถูกมองว่าเป็นผู้มีอิทธิพลทางอารมณ์ และแม้แต่ Katharina Thalbach ก็พยายามอย่างไร้ประโยชน์ในการเชื่อมโยงความไม่ลงรอยกันทางความคิดระหว่าง  และ “The Tin Drum” – ดูเหมือนว่าการขาดเงินจะเป็นแรงจูงใจหลัก ไม่ใช่ว่าการแสดงของนักแสดงจะแย่ในตัวเอง – ตรงกันข้าม คุณแทบจะมองเห็นความกระตือรือร้นอันสิ้นหวังที่นักแสดงต้องการใช้ตัวตนของตนเองเพื่อเติมเต็มช่องว่างที่ถูกเปิดออกโดยแนวคิดโดยรวมที่ต่ำต้อยโดยสิ้นเชิง

สุดท้ายนี้ เทคนิค “ไอซิ่งบนเค้ก” บางส่วนก็ครองตำแหน่งซีรีส์ใต้ดินนี้ การเปล่งเสียงของนักแสดงมีความคลุมเครืออย่างมาก เหมือนในที่เกิดเหตุอาชญากรรมของ Till Schweiger คุณต้องบอกพวกเขาอย่างรอบคอบว่าศูนย์กลางของโลกไม่ได้อยู่ในเบอร์ลินหรือโคโลญจน์ หรือส่งนักแสดงทั้งหมดไปหานักบำบัดการพูด การออกแบบภาพมีความผันผวนระหว่างการสร้างความสับสนโดยไม่ได้ตั้งใจและการพยายามทำให้รู้สึกสบายใจ มีคนประสบความสำเร็จจริงๆ ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ที่ดูเหมือนค่ายสำรวจขั้วโลกในเวอร์ชั่น boho หรือไม่? อาจเป็นไปไม่ได้ที่จะทำมากกว่านี้ด้วยงบประมาณ แต่แล้วก็มีเอฟเฟกต์ที่เสื่อมสภาพเช่นกล้องส่วนตัวและ – ภาพย้อนหลังที่น่าสังเวชเหล่านี้! Netflix ควรเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น Flashback TV จริงๆ ราวกับว่าหัวข้อนี้ไม่ได้รับการสำรวจอย่างถี่ถ้วนและสรุปด้วยภาพยนตร์เรื่อง “Memento”… สุดท้ายนี้ ความจริงที่ว่าเพลงประกอบฟังดูคล้ายกับแต่งด้วย C64 ก็เข้ากับความรู้สึกที่เหมือนกับเครื่องจักรทั่วไปของซีรีส์นี้โดยไม่ได้ตั้งใจ

โดยรวมแล้ว คำปราศรัยของฉันต่อ Netflix โดยใช้ซีรีส์นี้เป็นตัวอย่างคือ โปรดทิ้งอัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องลงถังขยะอย่างระมัดระวัง และพยายามทำบางสิ่งด้วยความหลงใหลในการใช้ชีวิต รู้สึกถึงผู้คนอีกครั้ง แทนที่จะมองแค่การเพิ่มประสิทธิภาพผลกำไรและปฏิบัติต่อผู้ดูเสมือนเป็นเทมเพลตที่ทดแทนได้

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: ซีรีส์มีทั้งหมดกี่ตอน? A: เป็นลิมิเต็ดซีรีส์ มีทั้งหมด 4 ตอนจบค่ะ สามารถดูรวดเดียวได้เลยที่ kserietv.co!

Q: เนื้อเรื่องซับซ้อนเกินไปไหม เหมาะกับคนที่ไม่ใช่คอไซไฟหรือเปล่า? A: ไม่เลยค่ะ แม้จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับอวกาศและมนุษย์ต่างดาว แต่แกนหลักของเรื่องคือดราม่าครอบครัวที่เข้มข้น ทำให้ผู้ชมทั่วไปสามารถเข้าถึงและอินไปกับเรื่องราวได้ไม่ยากค่ะ

Q: ซีรีส์เรื่องนี้มีฉากน่ากลัวหรือสยองขวัญไหม? A: ไม่มีฉากสยองขวัญค่ะ แต่จะเน้นไปที่บรรยากาศลึกลับ ระทึกขวัญ และกดดันทางจิตใจมากกว่า

Q: ตอนจบของ เคลียร์ทุกอย่างไหม หรือทิ้งปมไว้สำหรับซีซั่น 2? A: ซีรีส์จบในตัวค่อนข้างสมบูรณ์ค่ะ แม้จะเปิดช่องให้ตีความได้บ้าง แต่ก็ไขปริศนาหลักของเรื่องได้ทั้งหมดแล้ว