ซีรี่ย์ ปี 2012 หมายถึง ละครโทรทัศน์และซีรีส์ดิจิทัลที่ ออกอากาศครั้งแรกระหว่างปี พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) ในทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นปีที่วงการซีรีส์เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญทั้งด้านเนื้อหาและรูปแบบการเผยแพร่ โดยมีลักษณะเด่นดังนี้:
[read more]
ยุคเปลี่ยนผ่านสู่สตรีมมิ่ง
ปีที่ Netflix เริ่มผลิตซีรีส์ต้นฉบับเองครั้งแรก (Lilyhammer)
เว็บซีรีส์เริ่มมีบทบาทแทนทีวีแบบดั้งเดิม
เนื้อหาแนวใหม่เฟื่องฟู
เกิดซีรีส์วัยรุ่นแนวโนสตัลเจีย (Reply 1997)
แนว Psychological Thriller เข้มข้นขึ้น (Black Mirror ฤดูกาลแรก)
เทคนิคการผลิตก้าวหน้า
ใช้ CGI ในซีรีส์ทีวีมากขึ้น (Game of Thrones ฤดูกาล 2)
เริ่มทดลองเล่าเรื่องแบบ Non-linear Timeline
วัฒนธรรมป๊อปข้ามชาติ
ซีรีส์เกาหลีเริ่มโด่งดังระดับโลก (The Moon Embracing the Sun)
ละครไทยเริ่มเน้นความสมจริง (หนีเสือปะจระเข้)
รูปแบบตอนสั้นลง
ซีรีส์หลายเรื่องลดเหลือ 10-16 ตอน (จากเดิม 20+ ตอน)
มี Mini-Series มากขึ้น (Hatfields & McCoys)
Game of Thrones S2 ทำเรตติ้งสูงขึ้น 56% จากซีซันแรก
Reply 1997 เปิดตัวนักแสดงใหม่อย่าง Seo In-guk และ Jung Eun-ji
Sherlock ฉากตกน้ำทำให้แฟนๆ ก่อขบวนการ “Believe in Sherlock”
พัฒนาการสำคัญ
เกาหลี: เริ่มใช้สูตร “นาฏกรรมวัยรุ่น+โนสตัลเจีย” ที่ได้ผล
ตะวันตก: เริ่มทดลองรูปแบบการเล่าเรื่องแบบ Non-linear
ไทย: ยังเน้นละครน้ำดีแต่เริ่มมีเนื้อหาหนักขึ้น
ความสำคัญของซีรี่ย์ปี 2012:
เป็นปีที่พิสูจน์ว่าซีรีส์สามารถเป็นมากกว่าความบันเทิงทั่วไป โดยเริ่มสะท้อนปัญหาสังคมอย่างลึกซึ้ง และเป็นพื้นฐานของซีรีส์คุณภาพในปัจจุบันหลายเรื่อง
“2012 คือปีที่กำแพงระหว่างซีรีส์ทีวีและภาพยนตร์เริ่มพังทลาย ทั้งในแง่คุณภาพและความคิดสร้างสรรค์”
ซีรี่ย์ ปี 2012 มีหลายเรื่องมากมาย วันนี้มาทำความรู้จัก 3 เรื่อง คราวๆ ดังนี้

Arrow เป็นเรื่องราวของมหาเศรษฐีหนุ่มเพลย์บอย ที่ประสบอุบัติเหตุเรือล่มขณะที่เขาล่องเรือควีนส์ แกมบิทไปกับพ่อของเขาและซาร่า แลนซ์ น้องสาวของแฟนเขา ที่แอบคบชู้กันโดยที่ลอเรลแฟนของเขาไม่รู้เรื่อง เมื่อเรือกำลังจะจมพวกเขาจึงต้องหนีเอาชีวิตรอด ซาร่าได้จมน้ำทะเลแล้วหายไป ส่วนพ่อของเขาได้ยิงกัปตันและยิงตัวตาย เพื่อให้โอลิเวอร์รอดชีวิตไปทำหน้าที่ชำระล้างสตาร์ลิ่งซิตี้ที่มีแต่นักธุรกิจสกปรก มาเฟียแก๊งต่างๆที่สร้างความวุ่นวาย และอัตราการก่ออาชญากรรมที่สูง โอลิเวอร์รอดตายมาได้และติดเกาะแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า เหลียนยู และนั่นคือ จุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงการเอาชีวิตรอดจากอันตรายทุกอย่าง และก้าวเข้าสู่เส้นทางของศาลเตี้ยแห่งความยุติธรรม

5 ปีต่อมา โอลิเวอร์ได้รับการช่วยเหลือจากเรือประมงที่แล่นผ่านเกาะเหลียนยู และได้กลับสู่บ้านเกิดของเขาที่สตาร์ลิ่งซิตี้ เขาได้กลับเข้ามาที่บ้านของตนเองแล้วพบว่าสมาชิกทุกคนในบ้านดูแตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก ทั้งแม่ที่แต่งงานใหม่กับเพื่อนพ่อ น้องสาวที่ติดยา ลอเรลแฟนเก่าที่ตอนนี้คบกับเพื่อนสนิทของเขาอย่างทอมมี่ เมอร์ลิน ซึ่งลอเรลเกลียดขี้หน้าโอลิเวอร์มากๆ แต่ไม่เท่ากับเควนติน พ่อของลอเรลและซาร่า ที่เกลียดขี้หน้าโอลิเวอร์ที่สุด และยังโทษว่าโอลิเวอร์คือต้นเหตุที่ทำให้ลูกสาวของเขาตาย
วันหนึ่งโอลิเวอร์ได้ออกไปเที่ยวชมเมืองสตาร์ลิ่งซิตี้และได้ถูกกลุ่มโจรจับตัวทั้งคู่ไป โอลิเวอร์หาทางหนีออกมาได้ และได้สวมชุด Arrow สวมฮู้ดและใช้ธนูเป็นอาวุธเข้าจัดการกับเหล่าโจร และได้ช่วยชีวิตทอมมี่กลับมาอย่างปลอดภัยอีกด้วย และนั่นคือการปรากฏตัวครั้งในฐานะ Arrow ของโอลิเวอร์ในเมืองสตาร์ลิ่งซิตี้

โดยเล่าเรื่อง 2 ช่วงตัดฉากสลับกันไป คือ ช่วงที่โอลิเวอร์เป็นแอร์โรว์คอยกำจัดเหล่านักธุรกิจสกปรกและมาเฟียแก๊งต่างๆในสตาร์ลิ่งซิตี้ ตัดสลับฉากกับช่วงที่โอลิเวอร์ยังอยู่ที่เกาะเหลียนยู ซึ่งจะบอกเล่าที่มาของความสามารถต่างๆของโอลิเวอร์ว่าเขาได้เรียนรู้จากใครบนเกาะ เรียนรู้อะไรอย่างไรบ้าง แล้วเขาต้องพบเจอและผ่านอะไรมาบ้าง ซึ่งเรียกได้ว่าเขาได้ติดเกาะถือเป็นประสบการณ์ที่หล่อหลอมให้เขาแข็งแกร่งและไม่มีความลังเลที่จะฆ่าพวกคนชั่วเลยแม้แต่น้อย
บทบาทของตัวละครถือว่าลงตัวอย่างมาก โอลิเวอร์ต้องคอยปกปิดตัวตนของเขาว่าเขาคือแอร์โรว์ ด้วยการแกล้งทำตัวเสเพล และเปิดธุรกิจไนท์คลับบังหน้า ไม่ยอมบอกความจริงกับใครทั้งนั้นแม้แต่คนในครอบครัว เพื่อไม่ให้ครอบครัวต้องตกอยู่ในอันตรายและตำรวจจะได้ไม่สงสัยเขา โดยโอลิเวอร์นั้นได้สมุดรายชื่อผู้ที่ทำให้เมืองสตาร์ลิ่งซิตี้ตกต่ำ ไม่ว่าจะเรื่องอาชญากรรม ยาเสพติด ค้าอาวุธ ฉ้อโกง รวมถึงธุรกิจมืดอื่นๆ ซึ่งพระเอกต้องไล่จับตัวพวกคนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดให้ตำรวจ โดยสวมบทบาทเป็นแอร์โรว์ศาลเตี้ยผู้ผดุงความยุติธรรม ส่วนตัวละครฝั่งของพระเอกก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดี คอยซัพพอร์ตพระเอกตลอด อย่างจอห์น ดิ๊กเกิลที่แม่พระเอกจ้างมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้ กลางวันก็รับบทเป็นบอดี้การ์ด พอมากลางคืนก็คอยช่วยโอลิเวอร์ปราบเหล่าคนชั่ว และยังได้สาวไอทีของบริษัทควีนคอนโซลิเท็ตอย่างเฟลิซิตี้ สโมค เป็นคนคอยจับตามองเหล่าวายร้ายและคอยแฮ็คข้อมูลผ่านทางคอมพิวเตอร์ให้กับพวกพระเอกอีกด้วย เรียกได้ว่าทีมแอร์โรว์ 3 คนนี้มีความเข้าขากันอย่างมาก ไม่ว่าจะการทำงานกันเป็นทีม หรือแม้แต่การยิงมุกใส่กัน ก็ถือเป็นสีสันของเรื่องนี้พอสมควร
แต่ในเรื่องบทของตัวละครก็ขอติตรงความน่ารำคาญของลอเรลนี่แหละ ที่ไม่รู้ว่าจะเกลียดอะไรพระเอกนักหนาก็ไม่รู้ทั้งจิกกัดตลอด ด่าว่าโอลิเวอร์เป็นคนไม่เอาไหนและแย่ยิ่งกว่าตอนก่อนติดเกาะอีก รวมถึงบางครั้งก็ด่าโอลิเวอร์ถึงเหตุการณ์ที่ทำน้องสาวของเธอตายอีก แหม่..อยากให้รู้ความจริงมากเลย อยากรู้ว่ายังจะเกลียดโอลิเวอร์อยู่มั้ย อีกอย่างคือลอเรลมีความมั่นใจในตัวเองสูงมากจนทำให้บางทีก็เป็นที่น่าหมั่นไส้ของเหล่ามาเฟียหรือนักธุรกิจที่เสียผลประโยชน์จากการแพ้คดีความที่เธอว่าความให้ผู้เสียหาย
โดยรวมถือว่าซีซั่นแรกมีความครบรส ทั้งแอ็คชั่นที่มันส์สะใจ ดราม่าที่บางซีนถึงกับเรียกน้ำตา ความคอมเมดี้บ้างบางฉากที่ดึงเราออกจากอารมณ์ซีเรียสได้โดยที่มุกไม่แป๊ก มีความตื่นเต้นที่จะต้องลุ้นว่าความจริงจะเปิดเผยเมื่อไหร่ ลุ้นว่าใครที่เป็นคนทำให้เรือควีนส์แกมบิทล่ม ทีมแอร์โรว์จะจัดการกับตัวร้ายสุดแกร่งอย่างไร และเรื่องราวในซีซั่น 1 นี้จะจบลงอย่างไร
โดยรวมแล้วผมขอให้คะแนนไปที่ 9/10 เลยเพราะถึงขั้นทำให้ผมติดงอมแงมจนอยากดูให้จบภายในไม่กี่วัน(วันเดียวไม่ไหวตอนเยอะเกิน) และทำให้ผมลบภาพความล้มเหลวของหนังดีซีไปเลย เพราะซีรีส์โคตรปัง สนุกและน่าติดตามเป็นอย่างมาก

Reply 1997 เป็นซีรี่ส์ทางช่อง tvN ซึ่งเป็นช่องเคเบิลในเกาหลี ปกติละครทางเคเบิลความนิยมจะไม่เท่าที่ฉายในฟรีทีวี แต่เรื่องนี้กระแสแรงมาก (อาจจะประมาณ Hormones ที่ดังไม่แพ้ฟรีทีวี) ซี่รี่ส์ออกฉายตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2555 ซึ่งช่วงนั้นก็พอจะได้ยินกระแสของเรื่องนี้มาบ้าง เพราะปกติจะตามวงการเพลงเกาหลีอยู่ แล้วเพลง All for You ที่เป็น Ost. ของเรื่องนี้ ฮิตติดชาร์ตหลายสัปดาห์ แต่ ณ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้สนใจอะไรมากมาย มาสนใจดูจริงๆ ก็เพราะกรกฎาคมปีนี้ดันไปปิ๊งปั๊งกับ Girl Group วงหนึ่งที่ชื่อว่า “A-pink” และในเพลงโปรโมตล่าสุดของพวกเธอ “No No No” มีสาวคนหนึ่งที่โดดเด่นมาก ทั้งที่หน้าตาก็ไม่ได้สวยที่สุดในวง แต่ไม่รู้ทำไมเวลาเธอยิ้มแล้วโลกดูสดใสทันที คนๆ นั้นก็คือ “อึนจี” (Eun-ji) และสาวคนนี้นี่แหละที่เป็นนางเอก Reply 1997 ช่วงนั้นก็ว่างๆ อยู่ เลยลองหาเรื่องนี้มาดู ปรากฎว่า…ติด และยิ่งรักอึนจีมากกว่าเดิม
Reply 1997 มีเนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนสนิท 6 คน ที่รู้จักกันมาตั้งแต่วัยมัธยมและได้มาเจอกันอีกครั้งในงานเลี้ยงรุ่น ประกอบด้วย
“ซังชีวอน” นางเอกประเภทแรงเยอะ โวยวาย ซื่อบื้อ และติ่งสุดกำลัง โดยวงโปรดของเธอคือไอดอลในตำนานอย่าง H.O.T นำแสดงโดย จองอึนจี จากวง A-pink
“ยุนยุนแจ” พระเอกประเภท Perfect หล่อ เก่ง นิ่งขรึม เขายังเป็นเพื่อนกับชีวอนมาตั้งแต่เด็ก แต่มีนิสัยตรงกับกับเธอแทบทุกอย่าง นำแสดงโดย ซออินกุก ศิลปินเดี่ยวและแชมป์รายการ Superstar K1)
“คังจองฮี” เพื่อนสนิทของยุนแจ ที่หล่อและเก่งไม่แพ้ยุนแจ แต่เขามีความลับบางอย่างที่ไม่เคยบอกให้ใครรู้นอกจากชีวอน นำแสดงโดย โฮยา จากวง Infinite
“โดฮักชาน” เด็กวัยรุ่นจากโซลที่ย้ายมาเรียนที่ปูซาน ภายนอกดูเป็นคนนิ่งๆ สไตล์นักกีฬา แต่ภายในเขาคือเจ้าพ่อสะสมหนังโป๊ตัวจริง จุดอ่อนสำคัญคือกลัวผู้หญิง นำแสดงโดย อึนจีวอน อดีตไอดอลวง Sechs Kies ที่ในเรื่องก็กล่าวถึงวงนี้เยอะเหมือนกัน
“โมยูจอง” เพื่อนสนิทของชีวอน แต่มีปัญหากันเพราะชอบบอยแบนด์กันคนละวง นำแสดงโดย ชินโซยูล
“แบงซองแจ” ตัวป่วนประจำกลุ่ม พูดมากเป็นที่สุด นำแสดงโดย ลีชิอัน

จากซ้ายไปขวา – ซองแจ, จองฮี, ยุนแจ, ชีวอน, ยูจอง และฮักซาน
ตัวซีรี่ส์จะเป็นการเล่าสลับเหตุการณ์ไปมาระหว่างเรื่องราวในงานเลี้ยงรุ่นและเหตุการณ์ในอดีตช่วงปี 1997-2000 ซึ่งเป็นฉากหลังหลักของเรื่อง สมัยที่พวกเขาทั้ง 6 คนยังเป็นนักเรียน ม.ปลาย ที่ปูซานด้วยกัน การย้อนไปยังช่วงเวลานี้ ได้กลายเป็นจุดเ่ด่นของ Reply 1997 เพราะเหมือนกับซีรีส์ได้ทำให้กลุ่มคนวัยประมาณ 30 ได้ย้อนไปยังยุคสมัยที่เรายังเด็กๆ ที่เต็มไปด้วยความทรงจำต่างๆ มากมาย บางเรื่องย้อนไปแล้วก็ได้แต่นั่งขำว่าทำไมตอนนั้นถึงทำแบบนั้นได้ และแม้ในเรื่องจะเป็นเกาหลี แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราคนไทยก็สามารถร่วมรำลึกความหลังไปได้เช่นกัน อย่างทามาก็อตจิ ม้วนวิดีโอ เน็ตความเร็วต่ำ (แต่สูงมากในสมัยนั้น) หรือแม้กระทั่งการบ้าไอดอล ซึ่งถ้าช่วงนั้นในไทยเป็นยุครุ่งเรืองของ Raptor, ลิฟท์ออย, เจมส์, มอส ฯลฯ ที่เกาหลีก็มี H.O.T และ Sechs Kies ที่เรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของไอดอลเกาหลีปัจจุบันเลยก็ว่าได้
ถ้าใครตามวงการเพลงเกาหลี เชื่อว่าแม้จะไม่ทันแต่ก็น่าจะเคยได้ยินชื่อวง H.O.T และ Sechs Kies มาบ้าง ทั้ง 2 วงเป็นไอดอลยุคบุกเบิกที่เป็นแบบฉบับของไอดอลเกาหลียุคปัจจุบัน (ในวงมีหลายคน หน้าตาดี เพลงเน้นเต้นเป็นหลัก) ทั้ง 2 วงเป็นศิลปินในค่าย SM Entertainment และ DSP ตามลำดับ โดย H.O.T เดบิวต์ก่อนและสร้างปรากฎการณ์ความดังในเกาหลีอย่างรวดเร็ว เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยมีวงในลักษณะนี้ และยังเป็นผู้จุดวัฒนธรรมแฟนคลับขึ้นมา ส่วน Sechs Kies เดบิวต์หลังจากนั้น ในช่วงนั้นทั้ง 2 วงถูกมองว่าเป็นคู่แข่งกันโดยตรง ลามไปถึงแฟนคลับที่มีการแบ่งกันอย่างชัดเจนว่าใครติ่งวงไหน ซึ่งใน Reply 1997 ก็เอาเหตุการณ์เหล่านี้มาผสานเข้ากับเรื่องได้อย่างสนุก โดยให้ชีวอนเป็นติ่งสุดใจของวง H.O.T ผู้ตั้งเป้าหมายสูงสุดว่าจะแต่งงานกับ “โทนี่ อัน” หนึ่งในสมาชิกของวงให้ได้
เรื่องที่ 3 The Walking Dead Season 3 (2012) เดอะ วอล์กกิง เดด ซีซั่น 3

สรุปการรอดชีวิตของตัวละครหลัก จากซีซัน 2 มา 3 และความสัมพันธ์

เริ่มต้นซีซั่น 3 เวลาผ่านไป 8-9 เดือน ประเดิมด้วยฉากที่กลุ่มริคที่แบ่งหน้าที่กันอย่างดีเยี่ยม
พังบ้านหลังหลังหนึ่ง แล้วเก็บวอล์กเกอร์ในบ้านทีละตัวอย่างเชียวชาญ
ริคตอนนี้เปิดตัวแบบเครียดๆเย็นชา ไม่ยิ้มไม่มีมุกเบยยย
(คาดว่าถ้าเราเอานิ้วจิ้มแก้มริค เหย๋…ยิ้มจิตะเอง อาจโดนปืนฟาดแล้วทิ้งไว้ให้วอล์กเกอร์กินได้)
ส่วนคาร์ล(ผู้ได้รับหมวกนายอำเภออันเท่สุดๆของริคจากซีซั่น 2) ก็ใช้ปืนคล่องอย่างกับเกิดมาเพื่อใช้มัน(แม่จ้าว..)
เก็บวอล์กเกอร์ทีไม่มีตากระพริบ แถมถูกไว้วางใจให้อยู่หน่วยเคลียร์พื้นที่พร้อมริค ทีด็อก(…ให้เขาขึ้นก่อนแล้วกัน
เราลืมเขาทู้กทีเลย 55555) กับแดริล
ส่วนเกล็นและแม็กกี้น่าจะเคลียร์รอบบ้าน
พอทุกอย่าเคลียร์ ก็ให้สตรี(แครอล) สตรีมีครรภ์(ลอรี่ผู้ท้องแก่เต็มทีเลย)
เด็ก(เบ็ท…เดี๋ยว แล้วคาล์รล่ะ!) และคนชรา(เฮอเชล 5555555 ขอโทดนะปู่)เข้าใช้พื้นที่ได้
ริคมีเป้าหมายที่จะหาสถานที่ที่ปลอดภัย และอยู่ได้อย่างยาวนาน เพื่อที่จะได้เป็นที่ให้ลอรี่คลอดลูก
คิดว่าน่าจะเป็นแบบนี้มานานแล้ว เคลียร์พื้นที่ อยู่กันซักพัก ระหกระเหินต่อไป(โดยรถจากซีซั่น 2)
เพราะไม่ว่าไปที่ไหน ก็ไม่แข็งแรงพอในความรู้สึกริค
ริคซีซั่นนี้จะเครียดๆเคร่งขรึม โหดเงียบ และเย็นชากับลอรี่มากเค่อะ
จากซีซั่นก่อนที่หลายคนหมั่นไส้ลอรี่นักหนา มาซีซั่นนี้จะค่อนข้างเห็นใจและสงสารหล่อนที่ถูกริคทำเมินบ่อยๆ
(ลอรี่เคยพูดถึงว่าที่ริคโกรธเธอ อาจเป็นเพราะเธอเหมือนเป็นคนทำให้ริคกับเชนต้องแตกคอกัน
รวมถึงประเด็นที่เธอเคยกินยากะให้แท้งลูกด้วย…ก็ไม่รู้สินะ) มีบางฉากที่ลอรี่กังวลใจเรื่องลูกมากๆแต่ไม่กล้าคุยกับริค
ไปคุยกับเฮอเชลแทน เรื่องหากตัวเองตายระหว่างคลอดแล้วจะกลายเป็นวอล์กเกอร์
(ตามที่ริคบอกในซีซั่นก่อน ถ้าหากตายก็จะกลายเป็นวอล์กเกอร์โดยอัตโนมัติ)แล้วจะทำร้ายลูกหรือคนรอบข้าง
หากเป็นแบบนั้นลอรี่ขอให้เฮอเชลจัดการเธอได้ทันทีอย่าลังเลเลย รวมถึงระบายความเสียใจกับเฮอเชลเรื่องริคไม่ยอมคุยกะเธอด้วย
(ฮืออๆๆ เราเคยหมั่นใส้เจ๊แกเรายังเศร้าเลย)
-คาร์ลจากซีซั่นก่อนเป็นเด็กง้องแง้งน่ารำคาญไม่รู้จักโต…แต่พอมาซีซั่นนี้ โอ้ว ก๊าชมากข่า
พี่แกแบบว่าเป็นผู้ใหญ่สุดๆ ดูเอาการเอางาน พ่อสั่งคำไหนคำนั้น ได้รับความไว้วางใจจากพ่อหลายๆเรื่อง
แต่ค่อนข้างจะทำกระฟัดกระเฟียดกับแม่(โฮฮฮ ลอรี่น่าสงสารอีกแล้ว) เพราะลอรี่เองก็ยังเห็นว่าคาร์ลยังเป็นเด็กอ่ะ
ยังไม่อยากให้ทำอะไรเสี่ยงๆ ในขณะที่คาร์ลเองคิดว่าตัวเองริบผิดชอบในเรื่องอันตรายได้แล้ว
-ซีซั่นนี้นอกจาก มิชอนแล้ว ยังมีตัวละครใหม่แรงๆมันๆอีกมากมาย รวมถึงการกลับมาของตัวละครที่คุณคิดถึง…
(ฟังแล้วเหมือนโปรยหัวโฆษณาเลย)
-เนื้อหาของซีซั่น 3 ลดประเด็นการบู๊ของวอล์กเกอร์ลง 30% เริ่มเน้นไปที่ด้านมืด
การแย่งชิงสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองระหว่างคนกับคนมากขึ้น
-แน่นอนว่าการฆาตกรรมตัวละครโดยคณะเขียนบทยังโหดเหี้ยมขยี้ใจคนดู
และตัวละครโดยรอบเช่นเดิม(บอกเลยว่าเราดูแล้วร้อง เลย ร๊องเลยจริงๆ…)
-เกล็นกับแม็กกี้ยังรักกันกลมเกลียว เกล็นโค่ดน่ารักเลยข่า (มีคนบอกว่าคู่นี้ ถ้าไม่มีวิกฤตวอล์กเกอร์บุกโลก ก็อาจมิได้ลงเอยกัน
ดังนั้นสถานการณ์ที่โลกเป็นเช่นนั้น ถือเป็นโชคดีของเขาทั้งสองจริงๆ)
มีฉาก…อมยิ้ม07อมยิ้ม07อมยิ้ม07..น่อๆๆ มันไม่ใช่ปราเดนนนนน่า..
….!!ลืมเลย ซีซั่นที่แล้วลืมเล่าว่าเฮอเชลยอมรับเกล็นอย่างสันติในที่สุด
แถมยังให้นาฬิกากับเกล็น(ซึ่งเป็นนาฬิกาของพ่อลุงเฮอเชลอีกที)อีกด้วย(กุยอมรับเมิง)


[/read]