ดูซีรี่ย์ ปี 2014 หมายถึง ละครโทรทัศน์และเว็บซีรีส์ที่ออกอากาศครั้งแรกในปี ค.ศ. 2014 ซึ่งเป็นปีที่วงการบันเทิงทั่วโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ทั้งในด้านเนื้อหา รูปแบบการผลิต และช่องทางการเผยแพร่
[read more]
ยุคทองของซีรีส์สตรีมมิ่ง
Netflix และ Amazon Prime เริ่มผลิตซีรีส์คุณภาพสูงมากขึ้น
เกิดแนวคิด “binge-watching” จากการปล่อยซีรีส์ทั้งฤดูกาลพร้อมกัน
เนื้อหาเข้มข้นและหลากหลาย
ซีรีส์แนว psychological thriller เฟื่องฟู
เริ่มมีซีรีส์ที่นำเสนอประเด็นสังคมมากขึ้น
เทคนิคการผลิตระดับภาพยนตร์
ใช้งบประมาณสูงกว่าเดิม
ใช้เทคโนโลยีการถ่ายทำและ CGI ที่ทันสมัย
เกาหลีครองตำแหน่งผู้นำซีรีส์เอเชีย
หลายเรื่องถูกพูดถึงในระดับสากล
มีการส่งออกลิขสิทธิ์ไปหลายประเทศ
ละครไทยเริ่มปรับตัว
ลดละครน้ำดีแบบเดิม
เริ่มทดลองเนื้อหาแนวใหม่
My Love from the Star ทำเรตติ้งสูงสุด 28.1% ในเกาหลี
True Detective ใช้งบประมาณ 4-5 ล้านดอลลาร์ต่อตอน
The Flash เป็นซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปีนั้น
My Love from the Star ทำให้ Kim Soo-hyun โด่งดังระดับโลก
True Detective วางมาตรฐานซีรีส์อาชญากรรมคุณภาพสูง
Healer กลายเป็นซีรีส์แอคชั่นโรแมนติกคลาสสิก
“2014 คือปีที่พิสูจน์ว่าซีรีส์สามารถมีคุณภาพเทียบเท่าภาพยนตร์ และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองแห่งซีรีส์ดิจิทัล”
ซีรี่ย์ปี 2014 หลายเรื่องยังคงถูกพูดถึงและมีอิทธิพลต่อการผลิตซีรีส์ในปัจจุบัน ทั้งในแง่รูปแบบการเล่าเรื่องและเทคนิคการผลิต

เป็นละครเกี่ยวกับชเวโกบง ประธานโรงแรมวัย 70 ที่ไม่คำนึงถึงอะไรเลยนอกจากตัวเขาและเงินเท่านั้น ชเวโกบง (ชินฮากยุน) เป็นชายวัย 70 และเป็นคนบริหารธุรกิจใหญ่แห่งหนึ่ง วันหนึ่งเขากลายเป็นชายวัย30 เศษโดยบังเอิญ และรู้จักความรักเป็นครั้งแรกในชีวิต การ เริ่มต้นใหม่ของช่วงชีวิตในครั้งที่สองกำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และเพื่อที่ครั้งนี้เขาจะได้มีชีวิตอย่างเหมาะสม จากชายวัย 70 ที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างชเวโกบงได้กลับมาอายุ 30 อีกครั้ง ทำให้เขาเริ่มเรียนรู้การสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นมากขึ้น
“Mr. Back ขอย้อนวัยให้หัวใจกลับไปเฟี้ยว” ซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ และ แฟนตาซี ดัดแปลงจากนิยายเรื่อง “Oldeumaen” ของนักเขียน อีโจยอง ถ่ายทอดเรื่องราวของ “เชโกบง” (รับบทโดย ชินฮากยุน) ประธานโรงแรมยักษ์ใหญ่วัย 70 ปี ผู้ซึ่งใช้ชีวิตอย่างเห็นแก่ตัวและเต็มไปด้วยความโลภ วันหนึ่งเขากลายมาเป็นชายหนุ่มวัย 30 ปี อย่างไม่คาดฝัน จึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “เชชินยอง” และได้พบกับ “อึนฮาซู” (รับบทโดย จางนารา) พนักงานคนใหม่ของโรงแรม การได้พบกับเธอทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงความรักที่แท้จริงเป็นครั้งแรก ในขณะเดียวกันก็พยายามแก้ไขความสัมพันธ์กับ “เชแทฮัน” (รับบทโดย อีจุน) ลูกชายที่ห่างเหินและเต็มไปด้วยปัญหาชีวิต

ส่วนฝั่งตัวร้ายก็เด่นไม่แพ้กัน คือ กลุ่มลีกมือสังหาร (League of Assassins) ที่นำโดย นักรบสุดเท่ผู้มีชีวิตยืนยาว อย่าง ราซ อัลกูล ซึ่งตามหาผู้สืบทอดตำแหน่งของเขา และ นิซซ่า อัลกูล ลูกสาวของราซ อัลกูล อดีตคนรักของซาร่า แลนซ์ เธอพยายามตามหาผู้ที่สังหารอดีตคนรักของเธอ และต้องการแก้แค้นให้กับซาร่า และยังมี มาเซโอะ ยามาชิโระ เพื่อนร่วมภารกิจในอดีตของโอลิเวอร์สมัยก่อนจะกลับมาที่สตาร์ลิ่งซิตี้ ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นสมาชิกของลีกมือสังหาร เพราะเรื่องราวที่น่าสลดเกี่ยวกับครอบครัวของเขาในอดีต
พวกลีกมือสังหารถือว่าเป็นตัวละครที่ดีไซน์มาได้อย่างเท่มาก ๆ ทั้งเครื่องแบบที่เป็นชุดคล้ายนินจาสวมฮู้ดสีดำ อาวุธครบมือทั้งดาบ ธนู และลูกศรอาบยาพิษ และทักษะการต่อสู้ระยะประชิดที่ดีเยี่ยม นอกจานี้หากได้รับบาดเจ็บก็สามารถนำไปตัวลงไปแช่ในบ่อลาซารัสเพื่อให้รักษาบาดแผลได้ทันที
ซีซั่น 3 ยังคงรักษามาตรฐานความแอคชั่นได้อยู่ ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ แผนการที่แยบยลและซับซ้อนซ่อนเงื่อน แน่นอนว่าราซ อัลกูล นั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ทีม Arrow จะเอาชนะได้ง่าย ๆ ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยได้ คือ ต้องมีแผนการที่แยบยล ถึงขั้นต้องขอความช่วยเหลือจากศัตรูเก่าอย่าง ดาร์ก อาเชอร์ และฮีโร่จากเซ็นทรัลซิตี้อย่าง เดอะ แฟลช ถึงจะสามารถรับมือกับลีกมือสังหารได้
ฉากที่ประทับใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้น ฉากการดวลกันระหว่างโอลิเวอร์ กับ ราซ อัลกูล ที่เป็นการดวลกัน 1-1 แถมราซ อัลกูล ยังต่อให้ใช้มือเดียวและไม่ใช้อาวุธอีกด้วย ซึ่งท้าทายพระเอกของเราอย่างมาก ฉากนี้ทุกคนต้องไม่พลาดจะอยู่ประมาณตอนที่ 9 รับรองว่าดวลกันมันส์กว่าทุกฉากในซีซั่นแน่นอน
เราจะเห็นฉากดราม่าร้องไห้ เศร้าโศกเสียใจมากหน่อย เพราะซีซั่นนี้เล่นกับอารมณ์คนดูได้เป็นอย่างดี ทั้งลุ้น ทั้งหดหู่ และยังตื่นเต้นในคราวเดียวกัน ในแต่ละตอนตัวละครก็จะเริ่มคิดได้และมีกำลังใจฮึดสู้อีกครั้ง ท้ายที่สุดความหวังในการปกป้องเมืองที่รักของทีม Arrow ทำให้พวกเขาลุกขึ้นต่อสู้กับกองทัพมือสังหารนับร้อยของราซ อัลกูล และชิงตำแหน่งหัวหน้า League of Assassins เพื่อยุติสงครามที่ลุกลามในสตาร์ลิ่งซิตี้
ซีซั่นนี้เป็นซีซั่นที่ผมชื่นชอบมากที่สุด เพราะครบเครื่องครบรสทุกอารมณ์ ไม่ว่าจะตื่นเต้น เศร้า ฟิน ฮึกเหิม แผนการของพระเอกและตัวร้ายที่แยบยลมาก เป็นการดวลกันด้วยสติปัญญามากกว่ากำลังก็จริง แต่การต่อสู้นั้นก็ไม่ได้ดรอปลงไปซักนิดเดียว ที่สำคัญคือ ตัวละครเก่า ๆ มีพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ลอเรล ที่ตั้งใจไว้ว่าจะจัดการอาชญากรในสตาร์ลิ่งซิตี้แทนน้องสาว ด้วยการเป็น แบล็ก คานารี ต่อจาก ซาร่า หรือ เธีย ที่ฝึกฝนฝีมือการยิงธนูกับ มัลคอม เมอร์ลิน พร้อมลงสนามช่วยเหลือพี่ชาย หรือ มัลคอม เมอร์ลิน เองที่เปลี่ยนจากการแก้แค้นมาเป็นทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูกสาว และความสัมพันธ์ระหว่างโอลิเวอร์กับเฟลิซิตี้ที่มี Something มากกว่าการเป็นเพื่อนร่วมทีม
3 . The Flash วีรบุรุษเหนือแสง Season 1

เมื่อ แบร์รี่ ใช้พลังวิเศษของเขาเดินทางย้อนเวลาหวังกลับไปเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต แต่การความตั้งใจที่อยากช่วยชีวิตครอบครัวของเขาเอาไว้กลับทำให้อนาคตเปลี่ยนไป แถม แบร์รี่ ยังต้องติดอยู่ในช่วงเวลาที่ นายพลซ็อด กลับมาคุกคามพร้อมทำลายล้างโลกใบนี้ แต่ไม่มีซูเปอร์ฮีโร่คอยอยู่กอบกู้และปกป้องมนุษยชาติเลยสักคน ยกเว้นแต่ว่า แบร์รี่ จะสามารถเกลี้ยกล่อมให้ แบทแมน ก้าวออกมาจากชีวิตเกษียณ พร้อมช่วยเหลือชาวคริปโตเนียนออกมาจากการถูกคุมขัง แม้จะไม่ใช่คนที่เขาตั้งใจตามหาก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว เพื่อช่วยเหลือมิติโลกที่เขาเดินทางมาและหาทางกลับไปยังโลกอนาคต แบร์รี่ รู้ดีว่าเขาเองก็ต้องลงสนามในครั้งนี้เพื่อชีวิตของตัวเอง แต่การเสียสละอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้จะเพียงพอสำหรับการรีเซ็ตจักรวาลใหม่หรือไม่?
4 The Walking Dead Season 5 (2014) เดอะ วอล์กกิง เดด ซีซั่น 5

The Walking Dead ซีรีส์ชุดที่เรืองรองมาอย่างยาวนาน ทางช่องเคเบิ้ลทีวี AMC ของฝั่งอเมริกา ได้ถึงเวลาโบกมือลาจากหน้าจออย่างเป็นทางการ กับการออนแอร์ตอนที่ 24 ของซีซั่นที่ 11 ที่ถือว่าเป็นตอนอวสานและตอนสุดท้ายของซีรีส์เรือธง (flagship) ของช่องเคเบิ้ลทีวีแห่งนี้ และนับว่าเป็นหนึ่งในการปิดตำนานซีรีส์เรื่องดังในรอบทศวรรษที่เคยมีแฟน ๆ เฝ้าติดตามอย่างเหนียวแน่น
โดยตอนสุดท้ายของซีรีส์ The Walking Dead ได้ออนแอร์ไปเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา โดยข้อมูลจากนีลสันได้ทำการสำรวจเบื้องต้นว่า ตอนอวสานของซีรีส์เรื่องนี้มีผู้ชมไม่ต่ำกว่า 1.4 ล้านคน เฝ้าเกาะจอรอดูในตอนสุดท้ายของตำนานเรื่องนี้อยู่ แม้ว่าซีรีส์จะค่อนข้างเดินทางมาไกล และผ่านเลยจุดที่พีคที่สุดในความนิยม แต่ก็จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในซีรีส์อเมริกายุคปัจจุบันที่สร้างออกมาต่อเนื่องมากกว่า 10 ซีซั่น
แต่กว่าจะมาถึงการปิดฉากในวันนี้นั้น The Walking Dead ถือว่าผ่านอะไรหลาย ๆ อย่างมาโชกโชน นับตั้งแต่วันพรีเมียร์ฉายตอนแรกของซีซั่นแรกในวันที่ 31 ตุลาคม 2010 ที่ถือว่าเป็นซีรีส์ใหม่ที่รับได้เสียงฮือฮาไม่น้อย ฝ่ากระแสซีรีส์ดัง ๆ ในช่วงนั้นอย่าง Mad Men กับ Breaking Bad มาได้อย่างเฉิดฉาย กวาดยอดผู้ชมจากตอนแรกได้สูงถึง 5.35 ล้านคน ที่กลายเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลให้กับช่อง AMC ไปโดยปริยาย
หากใครยังจำกันได้ The Walking Dead เป็นการประเดิมฉายในรูปแบบมินิซีรีส์ ที่มีเพียง 6 ตอน แต่ก็ประสบความสำเร็จทุกตอนที่ออกอากาศ ทำยอดเฉลี่ยผู้ชมได้ดีถึง 5.24 ล้านคนต่อตอน จึงทำให้ทางช่องต้องเร่งอนุมัติสร้างออกมาเป็นซีรีส์เรื่องเต็มตามมาในที่สุด พร้อมกับการสร้างฐานแฟนซีรีส์แบบเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยทีละเรื่อย ๆ กับเส้นเรื่องและปริศนาที่ชวนติดตาม
The Walking Dead จัดได้ว่าเป็นซีรีส์ที่มียอดผู้ชมเพิ่มขึ้นทุก ๆ ซีซั่น โดยในซีซั่นที่ 3 ในปี 2012 เป็นครั้งแรกที่ซีรีส์สร้างทุบสถิติทำยอดผู้ชมได้มากกว่า 10 ล้านคน อีกทั้งยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในซีซั่นที่ 4 ที่ยอดผู้ชมเฉลี่ยขยับขึ้นไปที่ 13.33 ล้านคน พร้อมกับมาถึงจุดพีคที่สุดของซีรีส์ในซีซั่นที่ 5 ที่มียอดเฉลี่ยผู้ชมทั้งซีซั่นไปสูงถึง 14.38 ล้านคน
โดยการพรีเมียร์ฉายตอนแรกของซีซั่นที่ 5 ของ The Walking Dead ในปี 2014 นับว่าเป็นตอนที่ทำยอดผู้ชมสูงที่สุดตลอดกาลของซีรีส์เรื่องดังกล่าว กับผู้ชมเพียงตอนแรกที่แตะตัวเลขไปถึง 17.29 ล้านคน และความสำเร็จในครั้งนี้ก็ทำให้ซีรีส์ได้คิดแตกไลน์ ขยายอาณาจักรของจักรวาลให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการสร้างภาคแยก “Fear the Walking Dead” รวมทั้งเว็บซีรีส์ “Red Machete”
แต่กระแสและทิศทางลมเริ่มเปลี่ยนแปลง The Walking Dead ซีซั่นที่ 6 และ 7 เริ่มส่งสัญญาณคงที่ออกมาเรื่อย ๆ แม้ว่ายอดผู้ชมจะยังคงแตะถึงหลักสิบล้านคนในทุก ๆ ตอนอยู่ต่อไป กระทั่งมาถึงในซีซั่นที่ 8 ความนิยมและพฤติกรรมของผู้ชมได้เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นช่วงยุคที่สตรีมมิ่งเริ่มเข้ามามีอิทธิพลและบทบาทต่อผู้ชมมากยิ่งขึ้น มนต์ขลังของการเฝ้ารอดูซีรีส์หน้าจอทีวีเริ่มเสื่อมคลายลงไป ทำให้ยอดเรตติ้งผู้ชมลดลงทีละเรื่อย ๆ และแตะไม่ถึงหลักสิบล้านคน
จนในที่สุดความเปลี่ยนแปลงในซีซั่น 9 ก็เป็นชนวนใหญ่ที่สำคัญของซีรีส์เรื่องนี้ เพราะนี่จะเป็นการทิ้งทวนของ “แอนดรูว์ ลินคอล์น” นักแสดงนำของซีรีส์ที่แฟน ๆ คุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดี และได้ทำการปิดฉากตัวละครของเขาลงในซีซั่นนี้ ที่นั่นก็ไม่ได้ช่วยกระตุ้นยอดผู้ชมเพิ่มขึ้นได้สักเท่าไหร่นัก และส่งผลต่อในซีซั่นที่ 10 ที่ความนิยมของซีรีส์ก็ยังลดน้อยลงไปทุกที ๆ กระทั่งผู้สร้างตัดสินใจประกาศปิดฉากซีรีส์เรื่องนี้ลงที่ซีซั่นที่ 11 ในที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าถึงจะปิดฉากลงไปอย่างเป็นทางการแล้ว ตำนานและปรากฏการณ์ที่ The Walking Dead เคยสร้างเอาไว้ยังคงอยู่ตลอดกาล แม้ว่าซีรีส์หลักของจักรวาลนี้จะปิดฉากลงไป แต่จักรวาล The Walking Dead จะยังคงดำเนินต่อไป เพราะผู้สร้างเล็งที่ทำภาคแยกและภาคต่อ เพื่อสานต่อเรื่องราวในจักรวาลนี้แตกแขนงออกไปอยู่ เพียงแต่ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน ท่ามกลางยุคที่ซีรีส์สตรีมมิ่งออนไลน์กระแสปังกว่า คงจะต้องมาเฝ้าดูกันต่อไป…
5 Blade Man (2014) วุ่นรัก นายจอมเหวี่ยง

วุ่นหัวใจ เจ้านายขี้วีน Blade Man เล่าถึงเรื่องราวของ “จูฮงบิน” (รับบทโดย อีดงอุค) ประธานบริษัทผลิตเกมที่เพียบพร้อมและเพอร์เฟ็กต์ในทุกๆเรื่อง ทั้งความรูความสามารถ และความร่ำรวยแถมยังหน้าตาดีอีกต่างหาก อย่างไรก็ตามชายหนุ่มทีทุกคนเห็นว่าภายนอกของเขานั้นช่างสมบูรณ์แบบกลับมีความเจ็บปวดที่คอยฝังใจมาตั้งแต่อดีต และสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับเขาอย่างน่าแปลกก็คือเวาลาที่เขาโกรธจะเหล็กแหลมคมคล้ายๆกับมีดทิ่มแทงออกมาจากร่างกายของเขาโดยอัตโนมัติมากมาย ซึ่งได้สร้างความน่าประหลาดและยิ่งตอกย้ำใหเขานั้นมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ จนเมื่อเขาได้พบกับหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งอย่าง “เซดง” (รับบทโดย ชินเซคยอง) หญิงสาวหน้าตาน่ารักบุคลิกท่าทางภายนอกร่างเริงสดใส
ที่มาพร้อมกับลูกชายที่น่ารักซึ่งเกิดจากอดีตสามีอย่าง “ชาง” (รับบทโดย จองยูกอน) ที่เข้ามาปรากฏตัวและกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา ซึ่งเธอและลูกชายได้ใช้ความรักและความอบอุ่นมอบให้กับเขาอย่างเต็มเปี่ยม กลายเป็นการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของเขาได้มีความสุขมากขึ้น และทุกอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆจนพวกเขานั้นเปรียบเสมือนว่าเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว การเยียวยาจิตใจของเขาและเธอในครั้งนี้กลายเป็นเรื่องราวความรักที่เติบโตขึ้นทุกวัน แต่เส้นทางของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้นต้องไปล้นกันต่อในซีรี่ย์ “วุ่นหัวใจ เจ้านายขี้วีน” (Blade Man) สำหรับใครที่ชื่นชอบซีรี่ย์เกาหลีแนวดราม่า ที่ผสมความเป็นไซไฟแฟนตาซีเข้าไปเช่นนี้กันอยู่ บอกเลยว่ามีทั้งความน่ารัก ความสนุกแบบครบทุกรสชาติแน่นอน ติดตามครบทุกตอนได้เลยตอนนี้ทางเว็บไซต์ของเรากับรูปแบบพากย์ไทย
[/read]