ดูซีรี่ย์ออนไลน์ใหม่ ซีรี่ย์เกาหลี KseriesTV ดูซีรี่ย์จีน ซีรี่ย์2025

ดูซีรี่ย์ออนไลน์ kseriestv เคซีรี่ย์ ซีรี่ยเกาหลี ซีรี่ย์จีน ซีรี่ย์ญีปุ่น ซีรี่ย์อัพเดทใหม่ HD พากย์ไทย ซับไทย วาไรตี้เกาหลี อัพเดทใหม่ล่าสุด

ซีรี่ย์น่าดูประจำปี 2014

ดูซีรี่ย์ ปี 2014 หมายถึง ละครโทรทัศน์และเว็บซีรีส์ที่ออกอากาศครั้งแรกในปี ค.ศ. 2014 ซึ่งเป็นปีที่วงการบันเทิงทั่วโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ทั้งในด้านเนื้อหา รูปแบบการผลิต และช่องทางการเผยแพร่

[read more]

 5 ลักษณะเด่นของซีรี่ย์ปี 2014

  1. ยุคทองของซีรีส์สตรีมมิ่ง

    • Netflix และ Amazon Prime เริ่มผลิตซีรีส์คุณภาพสูงมากขึ้น

    • เกิดแนวคิด “binge-watching” จากการปล่อยซีรีส์ทั้งฤดูกาลพร้อมกัน

  2. เนื้อหาเข้มข้นและหลากหลาย

    • ซีรีส์แนว psychological thriller เฟื่องฟู

    • เริ่มมีซีรีส์ที่นำเสนอประเด็นสังคมมากขึ้น

  3. เทคนิคการผลิตระดับภาพยนตร์

    • ใช้งบประมาณสูงกว่าเดิม

    • ใช้เทคโนโลยีการถ่ายทำและ CGI ที่ทันสมัย

  4. เกาหลีครองตำแหน่งผู้นำซีรีส์เอเชีย

    • หลายเรื่องถูกพูดถึงในระดับสากล

    • มีการส่งออกลิขสิทธิ์ไปหลายประเทศ

  5. ละครไทยเริ่มปรับตัว

    • ลดละครน้ำดีแบบเดิม

    • เริ่มทดลองเนื้อหาแนวใหม่

สถิติที่น่าสนใจ

มรดกจากซีรี่ย์ปี 2014

“2014 คือปีที่พิสูจน์ว่าซีรีส์สามารถมีคุณภาพเทียบเท่าภาพยนตร์ และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองแห่งซีรีส์ดิจิทัล”

ซีรี่ย์ปี 2014 หลายเรื่องยังคงถูกพูดถึงและมีอิทธิพลต่อการผลิตซีรีส์ในปัจจุบัน ทั้งในแง่รูปแบบการเล่าเรื่องและเทคนิคการผลิต

ใน ซีรี่ย์ ปี 2014 มีแนะนำ ดังนี้

1 Mr Back (2014) ขอย้อนวัยให้หัวใจกลับไปเฟี้ยว

Mr Back (2014) ขอย้อนวัยให้หัวใจกลับไปเฟี้ยว

เป็นละครเกี่ยวกับชเวโกบง ประธานโรงแรมวัย 70 ที่ไม่คำนึงถึงอะไรเลยนอกจากตัวเขาและเงินเท่านั้น ชเวโกบง (ชินฮากยุน) เป็นชายวัย 70 และเป็นคนบริหารธุรกิจใหญ่แห่งหนึ่ง วันหนึ่งเขากลายเป็นชายวัย30 เศษโดยบังเอิญ และรู้จักความรักเป็นครั้งแรกในชีวิต การ เริ่มต้นใหม่ของช่วงชีวิตในครั้งที่สองกำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และเพื่อที่ครั้งนี้เขาจะได้มีชีวิตอย่างเหมาะสม จากชายวัย 70 ที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างชเวโกบงได้กลับมาอายุ 30 อีกครั้ง ทำให้เขาเริ่มเรียนรู้การสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นมากขึ้น

“Mr. Back ขอย้อนวัยให้หัวใจกลับไปเฟี้ยว” ซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ และ แฟนตาซี ดัดแปลงจากนิยายเรื่อง “Oldeumaen” ของนักเขียน อีโจยอง ถ่ายทอดเรื่องราวของ “เชโกบง” (รับบทโดย ชินฮากยุน) ประธานโรงแรมยักษ์ใหญ่วัย 70 ปี ผู้ซึ่งใช้ชีวิตอย่างเห็นแก่ตัวและเต็มไปด้วยความโลภ วันหนึ่งเขากลายมาเป็นชายหนุ่มวัย 30 ปี อย่างไม่คาดฝัน จึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “เชชินยอง” และได้พบกับ “อึนฮาซู” (รับบทโดย จางนารา) พนักงานคนใหม่ของโรงแรม การได้พบกับเธอทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงความรักที่แท้จริงเป็นครั้งแรก ในขณะเดียวกันก็พยายามแก้ไขความสัมพันธ์กับ “เชแทฮัน” (รับบทโดย อีจุน) ลูกชายที่ห่างเหินและเต็มไปด้วยปัญหาชีวิต

Arrow แอร์โรว์ จอมคนธนูมหากาฬ Season 3
Arrow กลับมาอีกครั้งในฐานะวีรบุรุษผู้กอบกู้สตาร์ลิ่งซิตี้ หลังจากจัดการกับกองทัพมิราคุรุของเดธสโตรกได้สำเร็จ และได้นำตัวเสลด วิลสัน ไปขังไว้ที่คุกใต้ดินบนเกาะเหลียนยู สตาร์ลิ่งซิตี้ก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง แต่ก็ไม่วายมีอาชญากรที่ก่อความไม่สงบภายในเมือง ทำให้ทีม Arrow นี่เรียกว่างานแน่นทุกคืนจริง ๆ
เมื่อเทียบกับซีซั่น 1 และ 2 ต้องบอกเลยว่าซีซั่นนี้จะลดความแอคชั่น ความตลกหยอดมุกลง เปลี่ยนมาเป็นขายความดราม่าแทน ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของครอบครัวแลนซ์ ทั้งเควนตินและลอเรลที่พึ่งได้เจอกับซาร่า แต่กลับต้องมาเสียเธอไปอีก ทำให้ทั้งสองตกอยู่ในความโศกเศร้ หรือเรื่องของ เธีย ที่เธอได้รู้ความจริงว่าเธอเป็นลูกสาวของ มัลคอม เมอร์ลิน หรือ ดาร์ก อาเชอร์ ทำให้เธียโกรธโอลิเวอร์และแม่เป็นอย่างมาก และเข้าสู่เส้นทางการเป็นมือสังหารแบบพ่อของเธอ หรือจะเป็นทีม Arrow เองที่ต้องพบเจอกับการสูญเสียซาร่าไป รวมถึงต้องปกปิดความลับเรื่อง Arrow ไม่ให้นักข่าวรู้ จนต้องมีผู้เสียสละรับผิดแทนโอลิเวอร์ อีกทั้งยังต้องสืบหาความจริงว่าใครคือผู้ที่ฆ่า ซาร่า หรือ แบล็ก คานารี ซึ่งบุคคลนั้นทำให้ทุกคนถึงกับต้องประหลาดใจกันเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งพระเอก หรือฝั่งตัวร้าย ซีซั่นนี้ถือว่าลงตัวมาก เพราะนอกจากตัวละครจากซีซั่นก่อน ๆ ที่มีบทดราม่ามากขึ้น ตัวละครใหม่ที่เพิ่มเข้ามาก็ถือเป็นสีสันให้กับเรื่องมากขึ้นทีเดียว ทั้งเพิ่มความตลก ความโรแมนติก ความดาร์ก ความดุเดือด รวมถึงความดราม่า ทำให้ซีซั่นนี้เป็นซีซั่นที่ใครหลาย ๆ คนยกย่องว่าดีที่สุด
ฝั่งพระเอก ได้มีตัวละครอย่าง ดร.เรย์มอนด์ พาล์มเมอร์ เจ้าของบริษัทเทคโนโลยี Palmmer Tech. ผู้ที่เข้ามา take-over บริษัท Queen Consolidated ของโอลิเวอร์ไป อีกทั้งเขายังมีใจให้กับเฟลิซิตี้ สโมค อีกด้วย ซึ่งเราก็จะได้เห็นฉากกุ๊กกิ๊กของทั้งคู่ และอาการหึงหวงของโอลิเวอร์ที่ออกหน้าออกตา เรย์มีความมองโลกในแง่ดีมาก ๆ มีความสุภาพ ดูเป็นคนมุ่งมั่น และยังเป็นคนที่พูดภาษาเดียวกับเฟลิซิตี้อีกด้วย (คุยกันภาษาไอที ภาษาวิทย์รู้เรื่องอ่ะนะ)

ส่วนฝั่งตัวร้ายก็เด่นไม่แพ้กัน คือ กลุ่มลีกมือสังหาร (League of Assassins) ที่นำโดย นักรบสุดเท่ผู้มีชีวิตยืนยาว อย่าง ราซ อัลกูล ซึ่งตามหาผู้สืบทอดตำแหน่งของเขา และ นิซซ่า อัลกูล ลูกสาวของราซ อัลกูล อดีตคนรักของซาร่า แลนซ์ เธอพยายามตามหาผู้ที่สังหารอดีตคนรักของเธอ และต้องการแก้แค้นให้กับซาร่า และยังมี มาเซโอะ ยามาชิโระ เพื่อนร่วมภารกิจในอดีตของโอลิเวอร์สมัยก่อนจะกลับมาที่สตาร์ลิ่งซิตี้ ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นสมาชิกของลีกมือสังหาร เพราะเรื่องราวที่น่าสลดเกี่ยวกับครอบครัวของเขาในอดีต

พวกลีกมือสังหารถือว่าเป็นตัวละครที่ดีไซน์มาได้อย่างเท่มาก ๆ ทั้งเครื่องแบบที่เป็นชุดคล้ายนินจาสวมฮู้ดสีดำ อาวุธครบมือทั้งดาบ ธนู และลูกศรอาบยาพิษ และทักษะการต่อสู้ระยะประชิดที่ดีเยี่ยม นอกจานี้หากได้รับบาดเจ็บก็สามารถนำไปตัวลงไปแช่ในบ่อลาซารัสเพื่อให้รักษาบาดแผลได้ทันที

ซีซั่น 3 ยังคงรักษามาตรฐานความแอคชั่นได้อยู่ ที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ แผนการที่แยบยลและซับซ้อนซ่อนเงื่อน แน่นอนว่าราซ อัลกูล นั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ทีม Arrow จะเอาชนะได้ง่าย ๆ ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยได้ คือ ต้องมีแผนการที่แยบยล ถึงขั้นต้องขอความช่วยเหลือจากศัตรูเก่าอย่าง ดาร์ก อาเชอร์ และฮีโร่จากเซ็นทรัลซิตี้อย่าง เดอะ แฟลช ถึงจะสามารถรับมือกับลีกมือสังหารได้

ฉากที่ประทับใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้น ฉากการดวลกันระหว่างโอลิเวอร์ กับ ราซ อัลกูล ที่เป็นการดวลกัน 1-1 แถมราซ อัลกูล ยังต่อให้ใช้มือเดียวและไม่ใช้อาวุธอีกด้วย ซึ่งท้าทายพระเอกของเราอย่างมาก ฉากนี้ทุกคนต้องไม่พลาดจะอยู่ประมาณตอนที่ 9 รับรองว่าดวลกันมันส์กว่าทุกฉากในซีซั่นแน่นอน

เราจะเห็นฉากดราม่าร้องไห้ เศร้าโศกเสียใจมากหน่อย เพราะซีซั่นนี้เล่นกับอารมณ์คนดูได้เป็นอย่างดี ทั้งลุ้น ทั้งหดหู่ และยังตื่นเต้นในคราวเดียวกัน ในแต่ละตอนตัวละครก็จะเริ่มคิดได้และมีกำลังใจฮึดสู้อีกครั้ง ท้ายที่สุดความหวังในการปกป้องเมืองที่รักของทีม Arrow ทำให้พวกเขาลุกขึ้นต่อสู้กับกองทัพมือสังหารนับร้อยของราซ อัลกูล และชิงตำแหน่งหัวหน้า League of Assassins เพื่อยุติสงครามที่ลุกลามในสตาร์ลิ่งซิตี้

ซีซั่นนี้เป็นซีซั่นที่ผมชื่นชอบมากที่สุด เพราะครบเครื่องครบรสทุกอารมณ์ ไม่ว่าจะตื่นเต้น เศร้า ฟิน ฮึกเหิม แผนการของพระเอกและตัวร้ายที่แยบยลมาก เป็นการดวลกันด้วยสติปัญญามากกว่ากำลังก็จริง แต่การต่อสู้นั้นก็ไม่ได้ดรอปลงไปซักนิดเดียว ที่สำคัญคือ ตัวละครเก่า ๆ มีพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ลอเรล ที่ตั้งใจไว้ว่าจะจัดการอาชญากรในสตาร์ลิ่งซิตี้แทนน้องสาว ด้วยการเป็น แบล็ก คานารี ต่อจาก ซาร่า หรือ เธีย ที่ฝึกฝนฝีมือการยิงธนูกับ มัลคอม เมอร์ลิน พร้อมลงสนามช่วยเหลือพี่ชาย หรือ มัลคอม เมอร์ลิน เองที่เปลี่ยนจากการแก้แค้นมาเป็นทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูกสาว และความสัมพันธ์ระหว่างโอลิเวอร์กับเฟลิซิตี้ที่มี Something มากกว่าการเป็นเพื่อนร่วมทีม

3 . The Flash วีรบุรุษเหนือแสง Season 1

The Flash วีรบุรุษเหนือแสง Season 1

เมื่อ แบร์รี่ ใช้พลังวิเศษของเขาเดินทางย้อนเวลาหวังกลับไปเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต แต่การความตั้งใจที่อยากช่วยชีวิตครอบครัวของเขาเอาไว้กลับทำให้อนาคตเปลี่ยนไป แถม แบร์รี่ ยังต้องติดอยู่ในช่วงเวลาที่ นายพลซ็อด กลับมาคุกคามพร้อมทำลายล้างโลกใบนี้ แต่ไม่มีซูเปอร์ฮีโร่คอยอยู่กอบกู้และปกป้องมนุษยชาติเลยสักคน ยกเว้นแต่ว่า แบร์รี่ จะสามารถเกลี้ยกล่อมให้ แบทแมน ก้าวออกมาจากชีวิตเกษียณ พร้อมช่วยเหลือชาวคริปโตเนียนออกมาจากการถูกคุมขัง แม้จะไม่ใช่คนที่เขาตั้งใจตามหาก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว เพื่อช่วยเหลือมิติโลกที่เขาเดินทางมาและหาทางกลับไปยังโลกอนาคต แบร์รี่ รู้ดีว่าเขาเองก็ต้องลงสนามในครั้งนี้เพื่อชีวิตของตัวเอง แต่การเสียสละอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้จะเพียงพอสำหรับการรีเซ็ตจักรวาลใหม่หรือไม่?

4 The Walking Dead Season 5 (2014) เดอะ วอล์กกิง เดด ซีซั่น 5

The Walking Dead Season 5 (2014) เดอะ วอล์กกิง เดด ซีซั่น 5

The Walking Dead ซีรีส์ชุดที่เรืองรองมาอย่างยาวนาน ทางช่องเคเบิ้ลทีวี AMC ของฝั่งอเมริกา ได้ถึงเวลาโบกมือลาจากหน้าจออย่างเป็นทางการ กับการออนแอร์ตอนที่ 24 ของซีซั่นที่ 11 ที่ถือว่าเป็นตอนอวสานและตอนสุดท้ายของซีรีส์เรือธง (flagship) ของช่องเคเบิ้ลทีวีแห่งนี้ และนับว่าเป็นหนึ่งในการปิดตำนานซีรีส์เรื่องดังในรอบทศวรรษที่เคยมีแฟน ๆ เฝ้าติดตามอย่างเหนียวแน่น

โดยตอนสุดท้ายของซีรีส์ The Walking Dead ได้ออนแอร์ไปเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา โดยข้อมูลจากนีลสันได้ทำการสำรวจเบื้องต้นว่า ตอนอวสานของซีรีส์เรื่องนี้มีผู้ชมไม่ต่ำกว่า 1.4 ล้านคน เฝ้าเกาะจอรอดูในตอนสุดท้ายของตำนานเรื่องนี้อยู่ แม้ว่าซีรีส์จะค่อนข้างเดินทางมาไกล และผ่านเลยจุดที่พีคที่สุดในความนิยม แต่ก็จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในซีรีส์อเมริกายุคปัจจุบันที่สร้างออกมาต่อเนื่องมากกว่า 10 ซีซั่น

แต่กว่าจะมาถึงการปิดฉากในวันนี้นั้น The Walking Dead ถือว่าผ่านอะไรหลาย ๆ อย่างมาโชกโชน นับตั้งแต่วันพรีเมียร์ฉายตอนแรกของซีซั่นแรกในวันที่ 31 ตุลาคม 2010 ที่ถือว่าเป็นซีรีส์ใหม่ที่รับได้เสียงฮือฮาไม่น้อย ฝ่ากระแสซีรีส์ดัง ๆ ในช่วงนั้นอย่าง Mad Men กับ Breaking Bad มาได้อย่างเฉิดฉาย กวาดยอดผู้ชมจากตอนแรกได้สูงถึง 5.35 ล้านคน ที่กลายเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลให้กับช่อง AMC ไปโดยปริยาย

หากใครยังจำกันได้ The Walking Dead เป็นการประเดิมฉายในรูปแบบมินิซีรีส์ ที่มีเพียง 6 ตอน แต่ก็ประสบความสำเร็จทุกตอนที่ออกอากาศ ทำยอดเฉลี่ยผู้ชมได้ดีถึง 5.24 ล้านคนต่อตอน จึงทำให้ทางช่องต้องเร่งอนุมัติสร้างออกมาเป็นซีรีส์เรื่องเต็มตามมาในที่สุด พร้อมกับการสร้างฐานแฟนซีรีส์แบบเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยทีละเรื่อย ๆ กับเส้นเรื่องและปริศนาที่ชวนติดตาม

The Walking Dead จัดได้ว่าเป็นซีรีส์ที่มียอดผู้ชมเพิ่มขึ้นทุก ๆ ซีซั่น โดยในซีซั่นที่ 3 ในปี 2012 เป็นครั้งแรกที่ซีรีส์สร้างทุบสถิติทำยอดผู้ชมได้มากกว่า 10 ล้านคน อีกทั้งยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในซีซั่นที่ 4 ที่ยอดผู้ชมเฉลี่ยขยับขึ้นไปที่ 13.33 ล้านคน พร้อมกับมาถึงจุดพีคที่สุดของซีรีส์ในซีซั่นที่ 5 ที่มียอดเฉลี่ยผู้ชมทั้งซีซั่นไปสูงถึง 14.38 ล้านคน

โดยการพรีเมียร์ฉายตอนแรกของซีซั่นที่ 5 ของ The Walking Dead ในปี 2014 นับว่าเป็นตอนที่ทำยอดผู้ชมสูงที่สุดตลอดกาลของซีรีส์เรื่องดังกล่าว กับผู้ชมเพียงตอนแรกที่แตะตัวเลขไปถึง 17.29 ล้านคน และความสำเร็จในครั้งนี้ก็ทำให้ซีรีส์ได้คิดแตกไลน์ ขยายอาณาจักรของจักรวาลให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการสร้างภาคแยก “Fear the Walking Dead” รวมทั้งเว็บซีรีส์ “Red Machete”

แต่กระแสและทิศทางลมเริ่มเปลี่ยนแปลง The Walking Dead ซีซั่นที่ 6 และ 7 เริ่มส่งสัญญาณคงที่ออกมาเรื่อย ๆ แม้ว่ายอดผู้ชมจะยังคงแตะถึงหลักสิบล้านคนในทุก ๆ ตอนอยู่ต่อไป กระทั่งมาถึงในซีซั่นที่ 8 ความนิยมและพฤติกรรมของผู้ชมได้เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นช่วงยุคที่สตรีมมิ่งเริ่มเข้ามามีอิทธิพลและบทบาทต่อผู้ชมมากยิ่งขึ้น มนต์ขลังของการเฝ้ารอดูซีรีส์หน้าจอทีวีเริ่มเสื่อมคลายลงไป ทำให้ยอดเรตติ้งผู้ชมลดลงทีละเรื่อย ๆ และแตะไม่ถึงหลักสิบล้านคน

จนในที่สุดความเปลี่ยนแปลงในซีซั่น 9 ก็เป็นชนวนใหญ่ที่สำคัญของซีรีส์เรื่องนี้ เพราะนี่จะเป็นการทิ้งทวนของ “แอนดรูว์ ลินคอล์น” นักแสดงนำของซีรีส์ที่แฟน ๆ คุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดี และได้ทำการปิดฉากตัวละครของเขาลงในซีซั่นนี้ ที่นั่นก็ไม่ได้ช่วยกระตุ้นยอดผู้ชมเพิ่มขึ้นได้สักเท่าไหร่นัก และส่งผลต่อในซีซั่นที่ 10 ที่ความนิยมของซีรีส์ก็ยังลดน้อยลงไปทุกที ๆ กระทั่งผู้สร้างตัดสินใจประกาศปิดฉากซีรีส์เรื่องนี้ลงที่ซีซั่นที่ 11 ในที่สุด

แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าถึงจะปิดฉากลงไปอย่างเป็นทางการแล้ว ตำนานและปรากฏการณ์ที่ The Walking Dead เคยสร้างเอาไว้ยังคงอยู่ตลอดกาล แม้ว่าซีรีส์หลักของจักรวาลนี้จะปิดฉากลงไป แต่จักรวาล The Walking Dead จะยังคงดำเนินต่อไป เพราะผู้สร้างเล็งที่ทำภาคแยกและภาคต่อ เพื่อสานต่อเรื่องราวในจักรวาลนี้แตกแขนงออกไปอยู่ เพียงแต่ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน ท่ามกลางยุคที่ซีรีส์สตรีมมิ่งออนไลน์กระแสปังกว่า คงจะต้องมาเฝ้าดูกันต่อไป…

5 Blade Man (2014) วุ่นรัก นายจอมเหวี่ยง

Blade Man (2014) วุ่นรัก นายจอมเหวี่ยง

วุ่นหัวใจ เจ้านายขี้วีน Blade Man เล่าถึงเรื่องราวของ “จูฮงบิน” (รับบทโดย อีดงอุค) ประธานบริษัทผลิตเกมที่เพียบพร้อมและเพอร์เฟ็กต์ในทุกๆเรื่อง ทั้งความรูความสามารถ และความร่ำรวยแถมยังหน้าตาดีอีกต่างหาก อย่างไรก็ตามชายหนุ่มทีทุกคนเห็นว่าภายนอกของเขานั้นช่างสมบูรณ์แบบกลับมีความเจ็บปวดที่คอยฝังใจมาตั้งแต่อดีต และสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับเขาอย่างน่าแปลกก็คือเวาลาที่เขาโกรธจะเหล็กแหลมคมคล้ายๆกับมีดทิ่มแทงออกมาจากร่างกายของเขาโดยอัตโนมัติมากมาย ซึ่งได้สร้างความน่าประหลาดและยิ่งตอกย้ำใหเขานั้นมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ จนเมื่อเขาได้พบกับหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งอย่าง “เซดง” (รับบทโดย ชินเซคยอง) หญิงสาวหน้าตาน่ารักบุคลิกท่าทางภายนอกร่างเริงสดใส

ที่มาพร้อมกับลูกชายที่น่ารักซึ่งเกิดจากอดีตสามีอย่าง “ชาง” (รับบทโดย จองยูกอน) ที่เข้ามาปรากฏตัวและกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา ซึ่งเธอและลูกชายได้ใช้ความรักและความอบอุ่นมอบให้กับเขาอย่างเต็มเปี่ยม กลายเป็นการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของเขาได้มีความสุขมากขึ้น และทุกอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆจนพวกเขานั้นเปรียบเสมือนว่าเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว การเยียวยาจิตใจของเขาและเธอในครั้งนี้กลายเป็นเรื่องราวความรักที่เติบโตขึ้นทุกวัน แต่เส้นทางของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้นต้องไปล้นกันต่อในซีรี่ย์ “วุ่นหัวใจ เจ้านายขี้วีน” (Blade Man) สำหรับใครที่ชื่นชอบซีรี่ย์เกาหลีแนวดราม่า ที่ผสมความเป็นไซไฟแฟนตาซีเข้าไปเช่นนี้กันอยู่ บอกเลยว่ามีทั้งความน่ารัก ความสนุกแบบครบทุกรสชาติแน่นอน ติดตามครบทุกตอนได้เลยตอนนี้ทางเว็บไซต์ของเรากับรูปแบบพากย์ไทย

[/read]