ดูซีรี่ย์ออนไลน์ใหม่ ซีรี่ย์เกาหลี KseriesTV ดูซีรี่ย์จีน ซีรี่ย์2025

ดูซีรี่ย์ออนไลน์ kseriestv เคซีรี่ย์ ซีรี่ยเกาหลี ซีรี่ย์จีน ซีรี่ย์ญีปุ่น ซีรี่ย์อัพเดทใหม่ HD พากย์ไทย ซับไทย วาไรตี้เกาหลี อัพเดทใหม่ล่าสุด

ซีรี่ย์น่าดูประจำปี 2015

ดูซีรี่ย์ ปี 2015 หมายถึง ละครโทรทัศน์และเว็บซีรีส์ที่ออกอากาศครั้งแรกในปี ค.ศ. 2015 ซึ่งเป็นปีที่วงการบันเทิงทั่วโลกก้าวเข้าสู่ยุคทองอย่างเต็มตัว ด้วยการเกิดขึ้นของซีรีส์คุณภาพจากหลายแพลตฟอร์ม

[read more]

5 ลักษณะเด่นของซีรี่ย์ปี 2015

  1. ยุคเฟื่องฟูของสตรีมมิ่ง

    • Netflix ปล่อยซีรีส์ต้นฉบับคุณภาพสูงหลายเรื่อง

    • Amazon Prime เริ่มแข่งขันอย่างจริงจัง

  2. เนื้อหากล้าหาญและหลากหลาย

    • ซีรีส์เริ่มกล้าพูดถึงประเด็นสังคมที่ท้าทาย

    • มีการผสมผสานแนวเพลงในซีรีส์ดราม่า

  3. เทคนิคการผลิตระดับพรีเมียม

    • ใช้งบประมาณสูงกว่าเดิม 40-60%

    • ใช้เทคโนโลยีการถ่ายทำแบบภาพยนตร์

  4. เกาหลีสร้างปรากฏการณ์ระดับโลก

    • หลายเรื่องถูกพูดถึงในระดับสากล

    • มีการรีเมกเป็นเวอร์ชั่นต่างประเทศ

  5. ละครไทยเริ่มปรับโฉมใหม่

    • ลดละครน้ำดีแบบเดิม

    • เริ่มมีเนื้อหาแนวใหม่มากขึ้น

“2015 คือปีที่พิสูจน์ว่าซีรีส์สามารถมีคุณภาพเหนือกว่าภาพยนตร์ และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่แห่งการเล่าเรื่อง”

ซีรี่ย์ปี 2015 หลายเรื่องยังคงถูกพูดถึงและมีอิทธิพลต่อการผลิตซีรีส์ในปัจจุบัน ทั้งในแง่รูปแบบการเล่าเรื่องและเทคนิคการผลิต

ในซีรี่ย์ ปี 2015 มีหนังมากมายให้เลือกชม เช่น

1American Genius (2015) อัจฉริยะประดิษฐ์โลก

American Genius (2015) อัจฉริยะประดิษฐ์โลก

EP1-Technology war(Jobs vs Gates)
ปี ค.ศ.1974
บิล เกตส์ เริ่มทำการเขียนโปรแกรมกับพอล อัลเลนและนำซอฟแวร์ไปขายเพื่อให้ใช้งานบน คอมพิวเตอร์อัลแตร์ 8800 ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก จึงเริ่มเปิดบริษัทที่มีชื่อว่า Microsoft
ปี ค.ศ. 1976
สตีฟ จ๊อบ ได้ก่อตั้งชื่อบริษัทที่มีชื่อว่า Apple ขึ้นมาร่วมกับเพื่อนของเขาสตีฟ วอซเนียกและทำการพัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลโดยเพิ่มคียบอร์ดและจอภาพขึ้นมาและทำการเขียนโค้ทลงไปและตั้งชื่อว่าApple-1 ทำการเริ่มวางขายในปีเดียวกัน
ปี ค.ศ. 1976
สตีฟ จ๊อบ ได้ทำการออกแบบลักษณะคอมพิวเตอร์ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น ด้วยการรวมอุปกรณ์ทุกอย่างเข้าด้วยกันและให้ง่านต่อการใช้งานเรียกว่า Apple-2 ซึ่งขายดีและทำกำไรได้เป็นอย่างมาก ต่อมาทางบิล เกตส์ได้ทำการติดต่อมาเพื่อเสนอโปรแกรมที่ทำให้สามารถใช้งานแบบธุรกิจได้บน
Apple-2
ปี ค.ศ. 1980
บิล เกตส์ ขายโปรแกรมและการ์ดขึ้นให้สามารถใช้งานแบบธุรกิจได้บน Apple-2 ทำให้บริษัทบริษัทไมโครซอฟต์ได้กำไรเป็นอย่างมากและได้ทำการขายระบบปฏิบัติการ ไมโครซอฟต์ดอส ให้แก่ทางบริษัทไอบีเอ็มที่จะทำการผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมาแข่งขันด้วย
ปี ค.ศ. 1983
สตีฟ จ๊อบได้ติดต่อบริษัทซีร็อกซ์เพื่อให้เขาร่วมลงทุนเพื่อแลกกับการเข้าไปดูเทคโนโลยีและได้รู้จักการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุประมวลผลร่วมกับภาพเพื่อนำมาพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ต่อและมีชื่อว่า Mcintosh และจะใช้ซอฟแวร์ของไมโครซอฟต์จึงได้ติดต่อบิล เกตส์ให้มาเรียนรู้เครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอชและโปรแกรมอันใหม่ แต่ทางบิล เกตส์ให้กลับนำไปพัฒนาลงในซอฟแวร์ของเขาเองและตั้งชื่อว่า Window ให้เป็นโปรแกรมพื้นฐานสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่เรียกว่า วินโดวส์ เพื่อใช้กับ Microsoft Dos สร้างความไม่พอใจให้สตีฟ จ๊อบเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันเขาได้ติดต่อจอร์น สกัลลีย์อดีตผู้บริหารเป็บซี่ให้มาทำหน้าที่ CEO แทนเขา
ปี ค.ศ. 1984
สตีฟ จ๊อบได้ทำการเปิดตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีชื่อว่า Mcintosh ซึ่งผสมผสานระหว่างความสวยงามและเทคโนโลยี แต่ยอดขายกลับไม่ดีเท่าทีควรเนื่องจากการทำงานที่ช้าของเครื่อง และขายได้เพียง 500 เครื่องต่อเดือน ทั้งที่มีกำลังการผลิต ถึง 80000 เครื่องต่อเดือน และทำให้ทางบอร์ดบริหารทำการบีบเขาให้ถอนตัวจากบริษัทไป
ปี ค.ศ. 1985
บิล เกตส์ได้ทำการขายระบบปฏิบัติการขั้นพื้นฐานที่เรียกว่า Window เพื่อใช้กับ Microsoft Dos หรือ MS DOS และขายดีเป็นอย่างมากคิดเป็น 80 % ของคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ทำให้เขาเป็นมหาเศษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลก แต่เมื่อเข้ายุค 1990 ทำให้เขาถูกสอบสวนเกี่ยวกับการผูกขาดการตลาดของไมโครซอฟต์เนื่องจากแทบไม่มีคู่แข่งที่สามารถต่อกรกับเขาได้เลยและยังเป็นการปิดกั้นการพัฒนาซอฟแวร์ของบริษัทอื่นด้วย
ปี ค.ศ. 1996
บริษัท Apple ขาดทุนถึง 1000 ล้านดอลลาร์เนื่องจาก ไม่มีผลิตภัณฑ์และซอฟแวร์ใหม่ๆผลิตขึ้นมาเลย ส่วนยอดขายคิดเป็น 4 %
ของคอมพิวเตอร์ทั่วโลก จนมีการเปลี่ยนผู้บริหารหลายครั้งจนสุดท้ายต้องทำการดึงสตีฟ จ๊อบ กลับมารับหน้าที่ผู้บริหารอีกครั้งหนึ่ง แต่เขาต้องหาเงินทุนเพื่อนำมาพัฒนาบริษัทแอปเปิ้ลให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง จึงติดต่อไปหาบิล เกตส์เพื่อให้ช่วยลงทุนในบริษัทแอปเปิ้ลถึง 150 ล้านดอลล่าร์เพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียนในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อนำมาต่อสู้กับเขาในอนาคต
ปี ค.ศ. 1998
สตีฟ จ๊อบได้ทำการเปิดตัว iMac คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่มีหน้าตาและเทคโนโลยีที่ดึงดูดบุคคลเป็นอย่างมากมาก
ทำให้ทางบริษัท Apple เริ่มมีกำไรและผลิตรุ่นอื่นๆตามมา
ปี ค.ศ. 2000
บิล เกตส์มีปัญหาด้านภาพลักษณ์จึงทำการก่อตั้งมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์และบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือองค์กรอื่นๆมากมายเพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเขาให้ดีขึ้น
ปี ค.ศ. 2001
สตีฟ จ๊อบได้ทำการเปิดตัวเครื่องเล่นเพลงiPod ซึ่งสามารถเก็บ เพลงจำนวนมากไว้เครื่องและพกพาสะดวกสบาย และเปลี่ยนแปลงวงการเครื่องเล่นเพลงในขณะนั้น
ปี ค.ศ. 2007
สตีฟ จ๊อบได้เปิดตัว iPhone ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือที่สามารถเปลี่ยนประวัติศาสตร์วงการมือถือและทำให้บริษัทแอปเปิ้ลเริ่มกลับมามีกำไรมากที่สุดในโลก
ปี ค.ศ. 2011
สตีฟ จ๊อบได้ลาออกจากผู้บริหารเพื่อมารักษาตัวเพราะว่าเขาได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับอ่อนและได้เสียชีวิตลงในปีเดียวกัน แต่ชื่อเสียงของของจะยังคงอยู่ตลอดไปในฐานะผู้เปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีระดับโลกและเป็นที่จดจำของบุคคลทั่วโลกตลอดไป

2. Arrow แอร์โรว์ จอมคนธนูมหากาฬ Season 4

Arrow แอร์โรว์ จอมคนธนูมหากาฬ Season 4

1.ช่วงเวลาหวานชื่น

เริ่มต้นเรื่องของเรื่องนี้ก็เปิดฉากมาด้วยภาพ โอลิเวอร์ ควีน วิ่งยิ้มอย่างมีความสุข เข้าไปในบ้าน และพบ ภรรยาแสนน่ารัก เฟลิซิตี้ สโมล์ค ซึ้งกำลังนั่งอ่านหนังสือพลางทำกับข้าวไป ก่อนที่จะตัดไปที่ภาพจูบอันแสนดูดดื่ม และนี่คือชีวิตแสนเรียบง่ายและสงบสุขตามแบบที่พระเอกนักยิงธนูต้องการ โดยหลังจากตอนสุดท้ายของซีซั่น 3 นะครับ โอลิเวอร์ ควีน ตัดสินใจบอกลาสมาชิกทีม Arrow และขอวางมือมาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาบ้าง ที่น่าสนใจคือ บ้านแสนสุขหลังนี้ อยู่ที่ใด? ดูแล้วไม่น่าใช่เมืองสตาร์ลิง ซิตี้ แต่เท่าที่ตามข่าวมา อาจเป็นเมือง โคสต์ ซิตี้ (Coast City) ซึ่งเป็นบ้านเกิดของฮีโร่ Green Lantern ก็เป็นได้

2.กำเนิดเมืองใหม่

ด้วยเหตุผลใดก็ไม่รู้นะครับ แต่เมื่อจู่ๆ เมืองสตาร์ลิง ซิตี้ (Starling City) นั้น ก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น สตาร์ ซิตี้ (Star City) แล้วขึ้นป้ายว่า “เปลี่ยนชื่อในวาระการรำลึกถึง ดร. เรย์ มอนด์ พาล์มเมอร์ (1981-2015)” ห๊ะอะไรน่ะ … เดี๋ยวนะ สำนวนแบบนี้มันเหมือนการไว้อาลัยคนตายเลยไม่ใช่หรอ? หรือว่า เรย์ พาล์มเมอร์ เสียชีวิตลงไปแล้วกันละ?… และเราก็จะขอย้อนกลับไปในตอนสุดท้ายของซีซั่น 3 เรย์ ทดลองชุดอะตอมของตัวเองแล้วเกิดระเบิดตูม !!! ทิ้งเป็นปมไว้ให้ลุ้นว่าจะเป็นอย่างไรต่อ? แต่ในคลิปตัวอย่างขึ้นป้ายกันแบบนี้ หรือว่า ….. จะะะะะ ตายแล้วก็เป็นได้

3.ดิกเกิล+แม็กนีโต = ดิกนีโต

และในซีซั่น 3 นะครับ ตอนสุดท้าย จอห์น ดิกเกิล ซึ้งเป็นเพื่อนซี้และสหายร่วมทีม ของพระเอกฮูดเขียวของเรา โดย โอลิเวอร์ ควีน นั้นมีคำแนะนำที่ว่าให้ไปหาชุดใส่ซะ เพื่ออำพรางใบหน้าและอีกทั้งยังเป็นการป้องกันตัว ในการต่อสู้กับเหล่าวายร้าย ในขณะที่ในคลิปนาทีที่ 0:26 ได้เผยให้เห็นชุดพร้อมลุยชายผิวสีคนนี้แล้ว ไม่มีอะไรมาก แค่หมวกกันน็อคและเสื้อหนังเท่านั้น แต่จะมีความสามารถอะไรเพิ่มเติมรึป่าว? ต้องรอดูกันอีกที (แต่ที่แน่ๆนะครับ บอกได้เลยว่า เขาไม่ใช่ แม็กนีโต เวอร์ชั่น DC แน่นอน)

4.ภัยร้ายแสนสาหัส

เดเมียน ดาร์ค หัวโจกวายร้ายตัวใหม่ ท่าทางจะเอาเรื่องไม่น้อย เมื่อพิจารณาจากในคลิปตัวอย่าง สมาชิกทีม Arrowได้แก่ เทีย หรือ สปีดดี้ (Speedy) และ ลอเรล (Laurel) ต่างเพลี่ยงพล้ำไม่สามารถต่อกรกับทีมเหล่าร้ายชุดใหม่นี้ได้ (เทีย โดนปืนจ่อเลยจ้า) อันเป็นเหตุให้ทุกคนต้องตามตัวพระเอกนักธนูเขียวกลับมานำทีมบู๊กันอีกครั้ง “เราไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน พวกมันเหมือนผี ฝึกฝนมาดี อาวุธครบมือ เราต้องการ Arrow”

5.ชุดใหม่ คนใหม่

เฟลิซิตี้ สโมล์ค ดูจะเตรียมการทุกอย่างไว้เสมอ เธอพร้อมรับมือได้ทุกสถานการณ์ ในยามที่ โอลิเวอร์ ควีน จำเป็นต้องกลับมาบู๊กับเหล่าร้าย เธอก็เตรียมชุดออกรบเวอร์ชั่นใหม่ไว้ให้แล้วเรียบร้อย ทำเอาพระเอกนักธนูเขียว มีอึ้งไปเหมือนกัน ช่างเป็นแม่ศรีเรือนเสียจริง สวย เก่ง ทำได้ทุกอย่าง ครบสูตรในคนเดียว อิอิ

6.Arrow คืนสังเวียน

หลังจากตัดสินใจกลับมาช่วยทีมบู๊ต่อกรกับเหล่าร้าย แต่จะมาเงียบๆก็กระไรอยู่ เห็นทีต้องป่าวประกาศให้โลกรู้ ดังในคลิปตัวอย่างนาทีที่ 0:38 สมาชิกทีม Arrow ได้แก่ เฟลิซิตี้, เทีย, ลอเรล และ ดิกเกิล ยืนรวมกลุ่มมองหน้าจอทีวีเห็นเป็นภาพสะท้อนของ โอลิเวอร์ ควีน กำลังกล่าวคำพูดบางอย่าง หรือจะเป็นการส่งสาส์นประกาศต่อเมือง Star City ว่า นักธนูเขียว กลับมาแล้ว !

7.อัญเชิญนักล่าผี !

จากคลิปตัวอย่างเปิดเผยให้เห็นแล้วโฉมหน้า จอห์น คอนสแตนติน (รับบทโดย Matt Ryan) มาโผล่ที่เมืองสตาร์แล้ว หลังจากซีรีส์นักล่าผี Constantine ถูกถอดจากช่อง NBC ทีมผู้สร้าง Arrow จึงถือโอกาสดึงตัวพ่อหมอล่าปีศาจมาสร้างสีสันให้กับช่อง CW ซึ่งจะปรากฏตัวอย่างเป็นทางการในตอนที่ 5 ที่ชื่อว่า “Haunted” โดยคาดกันว่าน่าจะมีบทบาทช่วยชุบชีวิต ซาราห์ แลนซ์ ให้ฟื้นคืนชีพ แต่จะได้เห็นเขาจนจบซีซั่นหรือไม่? ต้องรอติดตามกัน

และยังมีอีกหลายตอน สามารถ ติดตามได้ ที่นี่

3.The Flash วีรบุรุษเหนือแสง Season 2

The Flash วีรบุรุษเหนือแสง Season 2

จะว่าไปแล้วผมชอบปี 2 มากกว่าปีแรกอีกครับ คือปีแรกสนุกครับ เดินเรื่องฉับไว รวดเร็ว น่าติดตาม แต่ก็ยังมีจุดชะลอความน่าติดตามอยู่บ้างอย่างคาแรคเตอร์ของเจ๊ไอริส เวสท์ (Candice Patton) ที่บางทีก็เยอะเกิน (แอบรำคาญในหลายวาระเหมือนกัน 555)

ครั้นพอมาปีนี้ผู้สร้างก็คงรู้น่ะครับ เลยตัดปมนี้ออก แล้วมามุ่งเน้นที่เรื่องราวเป็นหลัก ซึ่งปีนี้ แบร์รี่ อัลเลน หรือ เดอะ แฟลช (Grant Gustin) ก็ได้รับการยกย่องจากชาวเมืองที่ช่วยป้องกันหายนะของเมืองไปเมื่อปีก่อน และทำให้เมืองเซ็นทรัลซิตี้สงบสุขมากขึ้น

แต่ความสงบก็อยู่ได้ไม่นานครับ เมื่อเหล่าเมตาฮิวแมนยังคงโผล่มาปะทะกับแฟลชอยู่บ่อยๆ และเหนืออื่นใดคือการมาของ “ซูม” วายร้ายตัวใหม่ที่ร้ายและโหดไม่แพ้ รีเวิร์สแฟลช ทำให้แฟลชและเพื่อนๆ ต้องหาทางรับมือ

ปีนี้ยังคงเดินเรื่องไวเป็นสายฟ้าอยู่ครับ ในแง่ปมต่างๆ ก็ถือว่าทำได้ดีเหมือนเดิม มีการทิ้งปมให้ติดตาม มีการหักมุม และมีอะไรที่คาดไม่ถึงมาเสิร์ฟผู้ชมเช่นเคย เรียกว่าถ้าใครชอบปีแรกก็น่าจะเพลินกับปีนี้ครับ แต่หากใครไม่ชอบลีลาไวปานวอกของซีรี่ส์ชุดนี้ ก็อาจจะเฉยๆ หรือไม่ก็รำคาญได้เหมือนกัน

ส่วนผมนั้นออกแนวชอบอย่างที่บอกไปครับ เดินเรื่องไว เดินเรื่องเร็ว ปมไหลมาตลอด บางอันพอเฉลยก็ยิ่งงงหนักขึ้นไปอีก จักรวาลของเรื่องราวใน The Flash ก็ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ซึ่งผมก็จะไม่สปอยล์ล่ะนะครับว่ามันคือปมอะไรบ้าง แต่บอกได้ว่าเป็นปมที่เข้าท่า มีกลิ่นอายไซไฟแบบเต็มพิกัด เชื่อว่าใครชอบหนังไซไฟก็น่าจะเพลินไปกับสารพัดทฤษฏีและเหตุการณ์ที่หนังนำมาเล่นในปีนี้แน่นอน

ดาราเล่นกันได้ลื่นครับ และแต่ละคนก็มีโอกาสได้แสดงอะไรมากขึ้น ซึ่งถ้าถามว่าผมชอบใครสุดก็ยกให้ Carlos Valdes เจ้าของบทซิสโก้ล่ะครับ หมอนี่ฮาได้เรื่อยๆ เป็นชูรสอย่างดีเลยล่ะ ส่วนเจ้าอื่นๆ ก็เล่นได้เยี่ยมครับ ปีนี้ผมชอบ ไอริสมากขึ้น เพราะบุคลิกและคาแรคเตอร์ของเจ๊แกพอเหมาะมากขึ้น มีความน่ารักมากขึ้น ไม่ได้เยอะเกินแบบปีก่อนอีกต่อไป

ผมนั้นชอบเรื่องการข้ามมิติหรือการข้ามเวลาอยู่แล้วครับ แบบที่ชอบ Back to the Future นั่นแหละ ซึ่งปีนี้เราจะได้เจอกับปมเหล่านี้เพียบครับ ซึ่งผมไม่ปฏิเสธนะว่ามันอาจมีช่องโหว่บ้าง แต่ทีมงานก็พยายามอุดรอยเท่าที่จะทำได้ ซึ่งหากไม่คิดอะไรมากก็โอเคล่ะครับ ถือว่าจินตนาการเต็มสูบมากสำหรับปีนี้

ตัวละครอีกคนที่ผมชอบไม่แพ้ซิสโก้ก็คือ ดร.แฮร์ริสัน เวลส์ ครับ ปีนี้พี่แกน่ารักมาก คือปีก่อนแกร้ายก็ร้ายลึกเลยนะ แต่ปีนี้เขาเป็นตัวละครที่มีมิติเยอะที่สุด คือเป็นคนธรรมดาที่มีทั้งมุมสว่างและมุมมืด แต่โดยพื้นฐานจิตใจแล้วเขาเป็นคนดีน่ะครับ เลยทำให้ระหว่างดูนี่เราค่อยๆ ชื่นชม เห็นใจ และรักตัวละครนี้มากขึ้น

สารภาพเลยว่าตอนหลังๆ นี่แอบรู้สึกผูกพันกับพี่แกไปเลยล่ะ เป็นตัวละครที่เจ๋งจริงๆ อันนี้ขอชม Tom Cavanagh เลยครับ พี่แกเล่นได้โคตรดี คือปีก่อนต้องร้ายลึกนี่แววตาท่าทางพี่แกก็ทำให้เรารู้สึกไม่วางใจนะ เหมือนชั่วจนปิดไม่มิด แต่มาปีนี้พี่แกกลายเป็น “ดีจนปิดไม่มิด” แทน คือดูก็รู้ว่าพี่แกดีน่ะครับ ไม่ได้ชั่วไม่ได้ร้าย แต่บางครั้งโดยสถานการณ์บังคับมากกว่า

ส่วนตัวละครเจย์ แกร์ริคก็มาพร้อมความน่าสนใจครับ เจ๋งดี ไหนจะซูมอีก คือมันวางปมได้เจ๋งน่ะครับ บอกได้เลยว่าความสนุกมันเยอะส่วนหนึ่งก็เพราะปมเรื่องซูมรวมถึงปูมหลังของเจย์นี่แหละ

อีกตัวละครที่น่าจับตาคือ วอลลี่ เวสท์ (Keiynan Lonsdale) ลูกชายของโจที่ตอนแรกผมก็กลัวนะว่าพี่แกจะมีคาแรคเตอร์ออกแนวน่ารำคาญหรือเปล่า แต่ปรากฏว่าไม่ครับ อาจดูน่ารำคาญเล็กๆ ในตอนต้น แต่พอเวลาผ่านไปตัวละครนี้ก็เข้าที่ และกลมกลืนเข้ากับทีมตัวละครเดิมได้อย่างพอดี

และคอการ์ตูนก็น่าจะรู้เป็นเลาๆ ว่า วอลลี่ เวสท์คนนี้ จะมีอะไรพิเศษให้เราได้จับตากันอีกแน่นอน

สำหรับบทสรุปในตอนจบ ผมชอบนะ คือในใจก็คิดอยู่แล้วว่าแบร์รี่ต้องตัดสินใจแบบนี้แน่นอน เพราะเขาสูญเสียมากเกินไปในศึกนี้ ซึ่งบางตอนก็ยอมรับว่าแอบคิดว่าแบร์รี่โง่ไปนิด อย่างตอนที่จะจับซูมได้ แต่ดันคุยจนมันหนีไป แล้วไม่มีแผนสำรองอะไรเลย จนในที่สุดก็โนมันดูดพลังไป สร้างหายนะอีกเพียบ

แต่พอดูจนจบก็ถึงเข้าใจทิศทางของเรื่องน่ะครับ ว่าจากเรื่องราวทั้งหมดทำให้แบร์รี่ทนไม่ได้อีกต่อไป ยิ่งตัวเองทำให้เกิดความผิดพลาดและหายนะขนาดนั้น เลยต้องขอทำอะไรสักอย่าง ไม่งั้นต่อให้ตายก็คงตายตาไม่หลับ

ก็อยากรู้เหมือนกันว่าปีต่อไปเรื่องจะต่อไปในทิศทางไหน

4.Reply 1988 (2015) ปีไหนก็รักเธอ

Reply 1988 (2015) ปีไหนก็รักเธอ

ซังมุนดง ซอย 20-2 กรุงโซล ปี 1988 คือสถานที่ที่เรื่องราวความประทับใจนี้เกิดขึ้น เพื่อนซี้ห้าคนที่โตมาด้วยกัน แทบจะกินนอนด้วยกันประกอบด้วย ซองด็อกซอน (ฮเยริ)ซองซอนอู (โกคยองพโย)ชเวแท็ก (พัคโบกอม)คิมจองฮวาน (รยูจุนยอล) และ รยูดงรยง (อีดงฮวี) ที่ทั้งหมดอายุเท่ากัน เรียนอยู่ในระดับมัธยมปลายเหมือนกัน มีเพียง แท็ก ที่เป็นนักเล่นโกะ (หมากล้อม) มืออาชีพระดับเซียนหกดั้งเท่านั้น ทุกคนโตมาด้วยกันบ้านเรือนเคียงกัน เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันช่วยเหลือเกื้อกูลกันเสมอมาในทุกเรื่อง ด็อกซอน เป็นลูกสาวครอบครัวชนชั้นกลางที่กำลงย่ำแย่ เธอเป็นลูกคนกลางที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ซอนอู คือครอบครัวชนชั้นล่าง ที่สูญเสียพ่อและอยู่ด้วยเงินบำนาญอย่างกระเบียดกระเสียน แต่มีความสุขกับน้องสาวอีกคน แท็ก คือคนที่อยู่กับพ่อเพียงสองคนที่ แม้จะมีเงินมากมายแต่ก็ใช้ชีวิตอย่างสมถะ จองฮวาน คือลูกคนเล็กของครอบครัวที่รวยที่สุดในซอยแต่ก็เปี่ยมล้นด้วยน้ำใจ ดงรยง คือลูกครูใหญ่ที่ทุกอย่างที่เป็นตัวเขา ขัดใจผู้เป็นพ่อทุกทางและมีแม่ที่ทำแต่งานจนละเลยครอบครัว

ทั้งหมดคือการเล่าเรื่องราวของการใช้ชีวิตวัยรุ่นของเหล่าลูกๆของทุกครอบครัว ที่แม้จะต่างกันแต่ก็อยู่ร่วมกันได้ และเรื่องราวเดินทางไปผ่านการก้าวข้ามพ้นวัยของพวกเขาที่สนุกสาน เฮฮาตามประสาวัยรุ่น แต่ทั้งเรื่องราวที่ดูคล้ายกับไม่มีอะไร แต่กลับมีอะไรมากมายในทุกๆตอนด้วยมิติทางเรื่องราวที่หลากหลายให้เล่า ให้มุมมองการใช้ชีวิตในบริบทของสังคมเกาหลี ผ่านเหตุการณ์ต่างๆที่สำคัญๆไปเรื่อยๆ ด้วยความใสสะอาดดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เล่าเรื่องตามวัยของพวกเขาไปเรื่อยๆนั้น แม้ไม่มีอะไรบีบคั้นแต่มันกลับน่าติดตามในทุกเรื่องราว ประเด็นย่อยๆระหว่างทางที่แสนธรรมดา และอาจเกิดขึ้นกับครอบครัวไหนก็ได้ แต่ทว่า มันลึกซึ้ง

ว่ากันตามตรงคือเส้นเรื่องไม่มีอะไรเลย เหมือนขีดเส้นตรงตามไม้บรรทัดไปตรงๆ คือการเล่าเรื่องของผองเพื่อนวัยเยาว์ ที่โตมาด้วยกันก้าวผ่านพ้นวัยมาด้วยกัน และจบลงที่ทุกคนแยกย้ายกันตามเส้นทางของตน ด้วยการนำเสนอที่เรียกได้ว่าใสสะอาดที่สุด ไม่มีเรื่องเชิงลบหรือหนักหน่วงทำร้านจิตใจในแกนเรื่องเลย แต่บทก็เยี่ยมมากที่จะทำเรื่องที่ใสๆ ตรงๆ ไม่มีตัวร้ายไม่มีนางอิจฉาเรื่องนี้ ให้มีมิติเชิงลึกได้ในทุกตอน การใส่ประเด็นรายทางมาให้ผู้ชมได้สัมผัสในแต่ละตอน มันจับต้องและสัมผัสได้และเข้าถึงอารมณ์ผู้ชมตรงกลางใจทุกประเด็นชนิดตัดขั้วหัวใจ ซึ่งถ้าบทไม่แข็งแรง มันจะกลายเป็นเรื่องราวที่แสนธรรมดาจนราบเรียบไร้สีสันไป จึงต้องชื่นชมความยอดยอดเยี่ยมของงานด้านบท

ความยอดเยี่ยมมันอยู่ที่ว่า เรื่องนี้เอาตรงๆคือเรื่องที่ตัวละครเยอะ การใส่ความมิติเชิงลึกให้ตัวละครทุกคนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทำได้ ทำได้ดีด้วย และการเล่าเรื่องตลอดยี่สิบตอน คือการเล่าถึงการผ่านพ้นแต่ละเรื่องราวมาได้ ด้วยความรักและความเข้าใจ ความรักของแม่หรือพ่อที่มีต่อลูก ความรักของลูกๆที่มีต่อบุพการี ความรักท่ามกลางความขัดแย้งของพี่น้องในอารมณ์ทั้งรักทั้งชัง ความรักและมิตรภาพระหว่างเพื่อนทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ มุมของของการใช้ชีวิตของคู่ชีวิตใกล้วัยทอง ที่ผ่านพ้นเรื่องราวทั้งดีทั้งร้ายมาด้วยกัน ความรักของคนหนุ่มสาวที่เป็นความโรแมนติก ความหวังในตัวลูกๆของพ่อแม่กับความต้องการที่แท้จริงของลูก สุดท้ายสิ่งที่จะหลอมรวมเรื่องเหล่านี้ให้เป็นความงดงามได้คือความเข้าใจซึ่งกันและกันเท่านั้น และแม้จะเล่าถึงประเด็นมากมายแต่บทกลับทำได้อย่างเข้าถึงง่ายและได้ใจ งดงามได้อย่างน่าทึ่ง เพราะค่อยๆเก็บเกี่ยวความรู้สึกร่วมจากหัวใจผู้ชมไปทีละน้อย จนเกาะกุมได้ทั้งหมดโดยไม่รู้ตัว

ต่ หากจะว่ากันที่เรื่องของอารมณ์ เรื่องนี้เมื่อมองเข้าไปอย่างพินิจ จะแยกออกเป็นสองอารมณ์ หนึ่งคืออารมณ์ทางมิติทางมิตรภาพ น้ำใสใจจริงที่อุ่นระอุ ความรักความเข้าในในครอบครัว การไล่ตามความฝันของแต่ละคน ที่บางคนก็มีความฝันของตัวเอง และบางคนก็แบกความฝันของคนอื่นไว้ เช่น จองฮวาน ที่แบกความฝันของพี่ชาย หรือ ซอนอู ที่ยอมเรียนแพทย์ตามความหวังของแม่ การเรียนรู้และเข้าใจตัวเองของ ด็อกซอน ที่สุดท้ายแม้จะน้อยเนื้อต่ำใจในความเป็นลูกคนกลาง แต่นั่นหาใช่เพราะพ่อแม่ไม่รักเธอ แม้กระทั่งเรื่องราวของการเสียสละในเรื่องความรักของเพื่อน ที่รักคนคนเดียวกันและยอมที่จะไม่ครอบครอง เข้าใจในสิ่งที่เป็นและยอมรับว่าแท้จริงแล้ว ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่มันคือความผิดพลาด

จนกระทั่งเรื่องราวเข้าสู่ความโรแมนติกตอนท้าย ยังเข้าถึงอารมณ์สายฟินได้อีกด้วยเรื่องราวของรักสามเส้า การเสียสละ การรอคอย ความหวังและการก้าวข้ามผ่านกำแพงประเพณี ที่เป็นการปะทะกันระหว่างความคิดเก่ากับความคิดใหม่ เห็นได้อย่างแจ่มชัดแม้จะมีให้เห็นเรื่อยมาตลอด แต่มันมาชัดมากในตอนท้าย ทั้งนี้ที่ผู้เขียนชอบมากลับเป็นประเด็นความรักความเข้าใจ ของครอบครัวที่มีต่อลูกเรื่องของการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เมื่อถึงที่สุดการเรียนมหาวิทยาลัยอาจไม่ใช่ทุกคำตอบของชีวิต ทั้งนี้รวมไปถึงการที่ลูกเข้าใจความหวังของพ่อแม่ และยอมเปลี่ยนตัวเอง เพื่อสานฝันให้พ่อกับแม่ได้มีความสุข กับเรื่องราวของการสลายช่องว่างระหว่างวัย ที่เริ่มห่างไปตามวัยของลูกๆที่ผู้เขียนเองอาจจะเข้าถึงง่ายกว่า เพราะทุกวันนี้ลูกๆของผู้เขียนก็เริ่มโตหมดแล้ว

5. Who Are You School (2015) อลหม่านรักสลับตัว

Who Are You School (2015) อลหม่านรักสลับตัว

ละครที่บอกเล่าเรื่องราวของนักเรียนในยุคสมัยใหม่ อีอึนบี(คิมโซฮยอน)หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาจากอุบัติเหตุและต้องพบว่าตัวเองจำอะไรไม่ได้เลย และกลับไปที่โรงเรียนมัธยมเซกัง โรงเรียนหรูในกังนัม ด้วยหวังว่าจะรื้อฟื้นความทรงจำ อึนบีจะรื้อฟื้นความทรงจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ และนั่นก็ทำให้เธอพบกับความลับของโรงเรียนด้วยเช่นกันติดตาม อยู่มาวันหนึ่งเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งโดยที่จำไม่ได้ว่าตัวเองคือใคร? หลังจากนั้นเธอก็พยายามที่จะกู้ความทรงจำในส่วนที่ขาดหายไปของเธอกลับคืนมา และระหว่างนั้น!! เธอก็ค้นพบกับความจริงบางอย่างที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังโรงเรียนที่มีชื่อเสียงของเธอ…

เรื่องราวของนักเรียนโรงเรียนมัธยมในเขตกังนัม ของเกาหลีใต้ ซึ่ง Eun-Byeol เป็นนักเรียนสุดฮอตของโรงเรียนเอกชนแห่งนี้ เธอหายตัวไปอย่างลึกลับและหลังจากที่เธอกลับมา เธอกลับจำอะไรไม่ได้เลยแม้กระทั้งชื่อของตัวเอง และความทรงจำทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเธอ ในขณะที่ Eun Bi คู่แฝดของ Eun-Byeol ที่อยู่ในบ้านเด็กกำพร้าต้องโดนเพื่อนในโรงเรียนกลั้นแกล้งเพราะเธอไม่มีพ่อ แม่ หลังจากที่ Eun-Byeol หายตัวไป Eun Bi ก็กลายมาเป็นสาวฮอตของโรงเรียนแทน Eun-Byeol เธอก็พยายามที่จะค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้

เรื่องราวภายในเรื่องอาจจะสับสนเล็กน้อยตรงที่ช่วงแรกๆ ของเรื่องจะเป็นการแสดงถึงเรื่องราว 2 ช่วงคือช่วงก่อนที่นางเอกจะความจำเสื่อมกับช่วงหลัง หลังจากที่สูญเสียความทรงจำไปแล้ว ซึ่งก็ได้มีเงื่อนงำต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นภายในรั้วโรงเรียนที่จะช่วยกระตุ้นความทรงจำของเธอให้กลับคืนมา ถือว่าเป็นบทพิสูจน์อย่างหนึ่งที่เธอจะต้องฟันฝ่ามันไปให้ได้ ดูเผินๆ ในสายตาเพื่อนเหมือนกับว่าเธอเป็นคนที่ค่อนข้างจ้าวอารมณ์ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย แต่ตัวประสานเรื่องจะเป็นเพื่อนเก่าของเธอที่เคยเรียนด้วยกันมาตั้งแต่โรงเรียนก่อนที่เธอจะสูญเสียความทรงจำไป แล้วอยู่ๆ ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เธอนึกออกขึ้นมาแต่ว่าช่วงที่เธอนึกออกมันไม่มใช่ที่อยู่ของเธอนี่สิ กลับกลายเป็นว่าเธอมีพี่สาวฝาแฝด ซึ่งเค้าก็ได้เสียชีวิตตอนที่ไปช่วยเธอขึ้นมาจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ส่วนเรื่องราวของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรนั้นต้องมาติดตามกันดูแล้วล่ะว่าจะสนุกสนานแค่ไหน ติดตามละครซีรีย์เกาหลีเรื่อง School 2015: Who Are You? กันได้ทางช่อง KBS2

เป็นไงบ้างกับ 5 เรื่องที่ทางเราแนะนำ ยังมีเรื่องอื่นอีกมาหมาย สามารถดูได้ ที่นี่ นะคะ

[/read]